เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไม่รู้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจดีไหม เพราะมหานครของเมืองไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 จากโพลเมืองที่มีปัญหาการจราจรติดขัดมากที่สุด โดยสำนักข่าวบีบีซี
เว็บไซต์บีบีซี ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมาว่า หลังจากได้รายงานปัญหารถติดอย่างหนักที่เกิดขึ้นในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ซึ่งบางช่วงการจราจรติดขัดเป็นทางยาวถึง 180 กิโลเมตร ก็ได้เสียงตอบรับจากผู้อ่านทั่วโลกที่ต่างมาบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์จราจรติดขัดจากเมืองต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของคนไทย ก็ถูกจัดไว้ในท็อปเท็นเมืองที่ประสบปัญหารถติดอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ปัญหาการจราจรติดขัดในประเทศไทยดูจะหนักหนาสาหัสขึ้น หลังจากที่มีนโยบายลดภาษีรถคันแรกจากรัฐบาล ทำให้ผู้คนต่างแห่กันไปซื้อรถยนต์กันใหญ่ และต้องกลับมาพบความจริงว่า มีรถยนต์ในกรุงเทพฯ มากถึง 5 ล้านคัน ทั้ง ๆ ที่ท้องถนนในมหานครรองรับรถได้เพียง 2 ล้านคันเท่านั้น
ชาวไทยรายหนึ่งได้เล่าประสบการณ์บนท้องถนนว่า บางครั้งต้องอยู่บนรถตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง แต่กลับเดินทางได้เพียงไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ส่วนเพื่อนรายหนึ่งของเขาก็ไปทำงานสายถึง 4 ชั่วโมง เพราะปัญหารถติด กรุงเทพฯ น่าจะคิดไตร่ตรองเรื่องปัญหาการใช้รถและถนนให้ดีกว่านี้ ผู้คนจะได้มีเวลาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่าการเสียเวลาไปฟรี ๆ บนท้องถนนวันละหลายชั่วโมง แถมเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เขายังต้องใช้เวลาเดินทางจากจังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้ามายังส่วนใจกลางกรุงเทพฯ ถึง 2.30 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น
2. จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
กรุงจาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซียก็ไม่น้อยหน้า เพราะต้องประสบปัญหารถติดชนิดที่เรียกว่า “ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” โดยชาวเมืองเรียกสถานการณ์รถติดหนึบนี้กันว่า "มาเซ็ท" (macet)
ชีวิตของผู้คนในแต่ละวันดูจะวางแผนควบคู่ไปกับเรื่องของสภาพการจราจร การเดินทางใกล้ ๆ อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือบางบริเวณของตัวเมืองก็ต้องพบปัญหารถติดหนึบหนับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และยังโชคไม่ดีนักที่อินโดนีเซียไม่มีระบบขนส่งทางเลือกที่น่าใช้บริการเท่าไหร่ เลนสำหรับรถประจำทางก็ใช่ว่าจะเคลื่อนตัวได้สะดวก แถมรถที่สี่แยกก็ติดขัดอยู่เสมอ
3. ไนโรบี ประเทศเคนยา
อดีตอาณานิยมของอังกฤษ อย่างประเทศเคนยา ก็ประสบปัญหารถติดระดับโลก ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงไนโรบี แม้จะรู้ว่าจุดหมายต้องมุ่งไปยังทิศทางใด แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไปได้ดังใจเพราะประสบปัญหารถติดแน่นที่วงเวียน และแม้ว่าจุดมุ่งหมายจะอยู่ห่างออกไปแค่กิโลเดียว แต่ก็เป็นการดีกว่าที่จะเผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้าไว้สักชั่วโมง หรือถ้าเดินไปก็อาจจะถึงก่อนรถก็เป็นได้ ยิ่งถ้าเป็นวันศุกร์ กับวันที่ฝนตกแล้วล่ะก็ แทบจะนอนหลับรอรถขยับได้เลยล่ะ
4. มะนิลา ฟิลิปปินส์
ชาวมะนิลารายหนึ่งแชร์ประสบการณ์สุดย่ำแย่บนท้องถนนว่า เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อเขาเดินทางออกจากเมือง Pampanga กลับไปบ้านที่เมือง Las Pinas ที่ไม่ได้ไกลกันมากมาย แต่ใช้เวลาอยู่บนต้องถนนตั้งแต่ตีห้าครึ่งจนถึงบ่ายโมงครึ่งเลยทีเดียว
แม้ตอนนี้การจราจรจะเริ่มบรรเทาความแออัดขึ้นบ้าง ตั้งแต่มีการออกกฎมาบังคับใช้ให้ผู้มีรถต้องงดเว้นการนำพาหนะของตัวเองออกมาวิ่งบนท้องถนนอาทิตย์ละ 1 วัน โดยเลขทะเบียนลงท้ายด้วยเลข 1 และ 2 ห้ามวิ่งวันจันทร์ เลข 3 และ 4 ห้ามวิ่งวันพุธ และไล่เรียงเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงวันศุกร์ แต่พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างเสาร์-อาทิตย์ รถทุกคันทุกป้ายทะเบียนก็จะกลับมาวิ่งเต็มท้องถนนเหมือนเดิม ทำให้หนีปัญหารถติดไปไม่พ้นจริง ๆ
5. มุมไบ ประเทศอินเดีย
ที่มุมไบประเทศอินเดีย คนที่มีรถยนต์ต่างต้องนึกอิจฉารถพยาบาล ที่สามารถวิ่งส่งสัญญาณฉุกเฉินขอแหวกทางไปได้สบาย ๆ ส่วนคนมีรถตาดำ ๆ ก็ต้องนั่งนิ่ง ๆ บนท้องถนนต่อไป มิหนำซ้ำท้องถนนยังคลาคล่ำไปด้วยฝูงวัว ฝูงลูกม้า และบรรดาขอทาน บางครั้งผู้ใช้รถก็ยังอดนึกไม่ได้ว่า บางทีรถที่นี่อาจขับเคลื่อนไปด้วยเสียงบีบแตรหาใช่น้ำมัน เพราะทุก ๆ คนก็ต่างกดแตรบีบไล่ให้คันข้างหน้าแล่นออกไป ทั้ง ๆ ที่คันข้างหน้าขึ้นไปอีกก็ยังคลานไปได้แค่ทีละคืบเหมือนกัน
ส่วนอีก 5 เมืองที่เหลือ ได้แก่ กัมปาล่า ประเทศอูกันดา ที่รถติดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทั้งเช้าและเย็น, เมืองเลซิงตัน รัฐเคนตักกี และเมืองออสติน รัฐเทกซัส จากอเมริกา แดนดินแห่งอิสระเสรีที่โผมาเข้าติดโพลเมืองจราจรติดขัดระดับโลกด้วย, กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ สามารถพบรถติดหนึบได้ทุกสี่แยก และสุดท้ายคือ ธากา ประเทศบังกลาเทศ ที่ท้องถนนไม่เพียงพอต่อจำนวนรถและคนที่ต้องเดินทาง ทำให้การเดินทางเพียง 15 กิโลเมตร อาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
**หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 3 ตุลาคม 2555