เกือบ 1 เดือน ที่อยู่คนเดียว... ความในใจของลูกผู้ชายที่สูญเสียคนรัก




เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณลูกหมูหัดกลิ้ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            หลายคนอาจจะบอกว่า "ความรัก" คือสิ่งที่หายาก แต่สำหรับคนที่เคยค้นเจอ "ความรัก" แล้ว อาจจะมองว่า จริง ๆ แล้ว ความรักไม่ได้หายากเลย แต่ "รักแท้" นี่สิ ที่หายากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า เพราะมันคงเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ไม่ใช่น้อย ที่จะมีใครสักคนนอกจากพ่อแม่ มารักเราจริง ๆ ไม่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน นิสัยอย่างไร อยู่ในสภาวะที่สุข ทุกข์ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย จนอาจจะสร้างความลำบากให้กับเขา

            กระปุกดอทคอม ได้ไปอ่านเจอเรื่องราวของ คุณลูกหมูหัดกลิ้ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่โพสต์กระทู้ในไว้ในห้องสยามสแควร์ บอกเล่าชีวิตของเขาที่ต้องสูญเสียหญิงสาวอันเป็นที่รักจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยที่หญิงสาวคนนั้นมีอายุเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้นเอง จึงนับเป็นการสูญเสียอย่างกะทันหัน หลังจากชีวิตคู่เพิ่งจะเริ่มก่อร่างสร้างตัวได้เพียงไม่กี่ปี

            ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องราวที่ คุณลูกหมูหัดกลิ้ง ถ่ายทอดผ่านตัวอักษร สามารถทำให้ผู้อ่านซาบซึ้งจนน้ำตาไหลไปกับความรักที่เขามีต่อคนรัก เพราะแม้แต่ในยามที่คนรักเจ็บป่วย เขาก็ยังยืนเคียงข้างและต่อสู้ไปพร้อม ๆ กับเธอจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว กระปุกดอทคอม จึงขออนุญาตนำเรื่องราวนี้มาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้ เพื่อจะได้เตือนใจทุกคนให้ดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า พรุ่งนี้...เขายังจะอยู่ให้เราได้ดูแลหรือไม่


             เกือบ 1 เดือน ที่อยู่คนเดียว โดย คุณลูกหมูหัดกลิ้ง 

            "เกริ่นนำก่อนนะครับ ผมไม่รู้ว่าผมตั้งกระทู้ผิดห้องรึเปล่า ที่จริงผมจะตั้งกระทู้ที่นี่ตั้งแต่เธอยังอยู่แล้ว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผมกับแฟนที่อยู่กินกันมา 3 ปี 9 เดือน และเธอได้จากผมไป เมื่อวันที่ 7 เดือนนี้ (กันยายน) เอง





            ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำร้ายจิตใจอะไรหรอกครับ เพราะเป็นการจากกันที่ไม่มีแม้แต่เสียงทะเลาะกัน.... เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินจากเธอ คือเสียงหัวเราะด้วยซ้ำ

            เริ่มเลยแล้วกันนะครับ ผมกับแฟนคนนี้ อยู่กินกันมาเกือบ ๆ 4 ปี ไม่เคยทะเลาะกันแรง ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยโกรธกันเกิน 1 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้ เพราะเราเคยตกลงกันไว้ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ว่า ถ้าใครแรง อีกคนต้องเย็น และหันหน้าออกจากกัน เมื่อเย็นลงแล้วค่อยมาคุยกันน่าจะดีกว่า

            การเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับผมและเธอนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกครับ ไม่ได้สะดวกสบาย ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังใด ๆ แต่เราก็มีความสุขเพราะเรามีกันและกัน

            ชีวิตคู่ของเราก็ดำเนินมาเรื่อย ๆ ครับ จนเมื่อปีที่แล้ว กลางปี เธอเริ่มไอครับ และไอหนักมากขึ้นแถมยังต่อเนื่อง ครั้งนึงบางที 10-15 นาที เธอไอไม่หยุดเลยก็ว่าได้ จากที่เธอเคยอ้วนมาก ๆ (ลืมบอกก่อนเธอไอนั้นเธอน้ำหนัก 120 กิโลกว่า ๆ) น้ำหนักเธอก็เริ่มลดลงมาเรื่อย ๆ พาเธอไปหาหมออยู่ช่วงนึงในปีที่แล้ว X-ray ปอดออกมา หมอบอกในตอนนั้นว่า ปอดเธอติดเชื้อ และมีน้ำในช่องท้อง ซึ่งตอนนั้นก็ได้มีการรักษาและเหมือนเธอจะดีขึ้นไปช่วงนึง แต่ก็กลับมาไออีก ตอนปลายปี.....

            จนมาช่วงก่อนปีใหม่ ผมได้พาเธอไปหาหมออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ หมอได้ X-ray และ CT-scan และกักตัวไว้ เพราะสงสัยจะเป็นวัณโรค จนผล CT ออกตอนต้นปี....

            เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวผมกับแฟนครับ..... เธอมีก้อนเนื้อที่ยังไม่สามารถระบุได้ ว่าเป็นก้อนเนื้ออะไร.....

            และทาง รพ.ประจำจังหวัด ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่ในภาคใต้ เพื่อที่จะเจาะชิ้นเนื้อตรวจผลว่าเป็นอะไร แต่ก้อนเนื้อใหญ่มาก ๆ 15x19 cm ซึ่งตอนแรก ๆ นอกจากอาการไอ อาการไข้อ่อน ๆ ตอนกลางคืน เหงื่อออก ทั้ง ๆ ที่หนาวสั่นแล้ว ก็ยังไม่มีอาการอะไร เธอยังกินได้ปกติ เดินได้ปกติ

            หลังจากนั้น ก็ยังมีการเจาะชิ้นเนื้อ 2 ครั้ง ซึ่งผลก็ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร จึงมีการผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อ อีก 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากผ่าตัดชิ้นเนื้อครั้งที่ 2 นั้น ทำให้เธอทรุดไปอย่างมาก ๆ เพราะว่าเป็นการผ่าใหญ่ที่ต้องหักซี่โครงเพื่อไปเอาชิ้นเนื้อในส่วนที่ลึกที่สุดมาดู

            หลังจากผ่าได้ 2 อาทิตย์ ถือว่านานมาก ตั้งแต่รู้ว่ามีก้อนเนื้อจนถึงรู้ผลเนี่ย ปาเข้าไปเกือบเดือนกรกฎาคมเข้าไปแล้วครับ ผลออกมาเป็นอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรก คือ เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิดฮอดกิ้น แต่ที่น่าหนักใจคือ ระยะที่พบคือ ระยะที่ 3 อาจจะเพราะก้อนของเธอมันใหญ่ อาจจะเพราะเราชะล่าใจเกินไปว่า ถ้าเป็นมะเร็ง ก้อนขนาดนี้เราคงไม่รอดแล้ว

            การรักษาเริ่มขึ้นจริง ๆ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมครับ คีโมครั้งแรกก็ได้เริ่มขึ้น แผนการรักษาจริง ๆ นั้น คือ คีโม 12 ครั้งใน 6 เดือน และอาจจะต้องฉายแสงต่อ เพราะก้อนที่ว่าค่อนข้างใหญ่มาก ๆ

            มาถึงตอนนี้ ถามเรื่องกำลังใจนั้น บอกเลยว่าเต็มร้อยครับ แอบเครียดน่ะมีครับ แต่ยิ้มสู้กันทั้งคู่... แต่ปัญหาอีกปัญหานึงคือ ปอดเธอไม่มีข้างนึงเลย เพราะก้อนเนื้อนี้ไปกดทับปอด แล้วมีลิ่มเลือดในปอด ซึ่งเธอต้องกินยาละลายลิ่มเลือดตลอด

            การรักษาเหมือนจะไปด้วยดีครับ ด้วยทั้งกำลังใจจากตัวคนไข้ จากคนรอบข้าง จากทุก ๆ คน ที่รักและเอ็นดูเธอ....

            แต่แล้ว มันก็มาจบทุกอย่างลง เมื่อวันที่ 5 เดือนนี้ วันที่หมอนัดเพื่อไปคีโม ครั้งที่ 4 ทุกอย่างดูปกติหมด แต่สิ่งที่แปลกตั้งแต่เช้า คือ ความดันเธอต่ำมาก ๆ 72-46 ซึ่งมันทำให้คีโมครั้งนี้ไม่ได้ และทุกสิ่งเหมือนจะจบลงตรงนี้ ขณะนั่งตรวจหมอบอกให้เธอไปที่เตียง หมอจะตรวจว่ามีเลือดออกหรือไม่ ก่อนส่งไปแอดมิด....

            ผมซึ่งพยุงเธอจากรถเข็น ขึ้นเตียง และได้ลูบหัวเธอบอกเธอว่า ไม่ต้องเครียดนะ เดี๋ยววันอื่นก็ได้ทำ แล้วมีเสียงหมอบอกให้เปิดผ้าเพราะจะเช็คเลือด ผมยังแซวเธอครับว่า แก้ผ้าให้ผู้ชายดูเร็ว เธอก็หัวเราะ แล้วผมก็เดินสวนกับหมอ ผมเดินยังไม่พ้นปลายเท้าครับ...

            ได้ยินเสียงหมอเรียกเธอ .....ผมจึงหันมา เห็นสภาพที่เธอชัก ตาดำกลับขึ้นไปข้างบน มือเกร็ง

            วินาทีนั้นผมนิ่งครับ ทำอะไรไม่ถูก เห็นทุกภาพที่มี ทีมแพทย์เข้ามาช่วยชีวิตเธออย่างเต็มที่ ช่วงเวลาเกือบ 20 นาทีตอนนั้น มันเหมือนกับเวลาที่นานมาก สำหรับผม....

            น้ำตาสักหยด ไม่มีไหลออกจากตา เหมือนผมจะเข้มแข็ง จนมีพยาบาลพาผมเดินออกมาพร้อมกับ 1 ในทีมแพทย์มาคุยกับผม.....เหมือนผมหลุดออกจากภวังค์ ทั้งน้ำตา น้ำมูก ทุกอย่างไหลมาหมด พูดจาไม่รู้เรื่อง กว่าจะได้สติก็เป็นชั่วโมงเหมือนกัน....

            กว่าจะคุยกับหมอรู้เรื่องก็ได้ความว่า ลิ่มเลือดในปอดมันหลุดแล้วไหลเข้าหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นพอดี....จึงทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ในตอนนั้น เธอต้องอยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทรา 3 วัน เพื่อรอดูอาการว่าจะกลับมาได้หรือไม่ เป็นเวลาที่ทรมานครับ.....


            วันแรกเหมือนเธอยังได้สติ ยังมีการตอบสนอง บอกให้กะพริบตา กำมือยังได้ แต่วันที่ 2 เธอไม่รู้สึกตัวอะไรแล้ว วันที่ 3 เวลา 6 โมงเช้าหมอโทรตามผม เพราะตอนเช้าหัวใจเธอหยุดเต้นไปอีกครั้ง..... แต่ก็ปั๊มขึ้นมาได้อีก และถามว่า จะทำยังไง

            สรุปคือ ผมต้องยอมครับ เพราะด้วยตัวโรคของเธอ รวมถึงสภาพนี้ ถ้าจะให้เธออยู่ต่อ ซึ่งต้องเจาะคอ เจาะช่องท้อง ซึ่งมันทำให้เธอเจ็บเพิ่มขึ้นไปอีก....

            ผมรับไม่ได้ครับ ผมจึงให้หมอให้ยานอนหลับและแก้ปวดเธอ เพื่อให้เธอค่อย ๆ หลับไป.....

            ตลอดเวลา 3 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา ผมกับเธอแทบจะไม่มีรูปคู่กันเลยเพียงเพราะเธออาย เพราะเธออ้วนมาก ๆ.... แต่เพิ่งมามีรูปเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง .... ซึ่งเธอเป็นคนพูดเองว่า เธอผอมแล้ว ถ่ายคู่กัน จาก 120 กิโล ช่วงที่เธอถ่ายกับผม รูปแรกนั้น เธอหนัก 60.4 กิโล นี่คือรูปแรกที่ผมและเธอถ่ายคู่กันครับ





            จากคนที่ผมเต็มหัว ต้องมาโกน เพราะว่าคีโม เลยโกนเป็นเพื่อนกันเลย





            ผมไม่ได้ตั้งใจจะสร้างกระแสอะไรนะ แค่อยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า.....เวลามีคนที่อยู่ตรงหน้าให้ดูแล เราก็ดูแลให้ดีที่สุด เมื่อเขาจากไป วันนึง เราคิดอยากจะดูแลก็ไม่ทันแล้ว

            จริง ๆ แล้วแทบไม่มีอะไรเลย ใช้ชีวิตปกติกันแทบทุกอย่าง และยิ้มสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ  ตั้งแต่รู้ว่ามีก้อนเนื้อ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นก้อนอะไร ผมกับเธอก็คุยกันแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นอะไร เราไปหาหมอ เพื่อต้องการให้หาย.... ดังนั้นการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ก็เหมือนปกติ รวมถึงให้กำลังใจกันและกันเสมอ ๆ กวนกันไปมาหัวเราะกันตลอด จนนางพยาบาลในหลาย ๆ วอร์ด รวมถึงหมอก็งง เพราะว่าหมอหลาย ๆ คน ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอน่าจะเป็นมะเร็ง แปลกใจว่า ทำไมเรายังร่าเริงกัน ทั้ง ๆ ที่อาการของเธอค่อนข้างหนักมาก ๆ แต่เธอก็ยังยิ้ม แม้จะเจาะจะผ่าเธอกี่ครั้งก็ตาม

            จนกระทั่งวันที่หมอบอกว่าเธอเป็น ฮอดกิ้น ระยะ 3 ผมเองเสียอีกที่ร้องไห้ เธอเข้มแข็งมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เธอเป็นคนขี้แย เธอเป็นคนบอกผมเองว่า อย่าสัญญาว่าถ้าไม่มีเธอ ผมจะไม่มีใคร เพราะสัญญาพวกนี้ มันทำตามสัญญาลำบาก เพราะในเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยทำเธอเสียใจเรื่องผู้หญิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว และถ้าเธอไม่อยู่ ผมต้องอยู่ในส่วนของเธอ ใช้ลมหายใจที่เหลืออยู่เผื่อเธอด้วย เธออายุแค่นี้ยังมีอีกหลายที่ที่ไม่เคยไป ไม่ได้ไป และสัญญากันว่าจะไป ถ้าเธอหาย เราจะไปด้วยกัน

            ตอนนั้นผมโมโหมาก ๆ เพราะทำไมเธอพูดเหมือนกับเธอจะจากกันไป แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ แต่มาถึงตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอพูด ผมจะตามเก็บตามสัญญาให้หมด ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเลิศอะไร ผมไม่รู้ว่าต่อไปข้างหน้าจะเป็นยังไง จะมีใครเข้ามาอีกไหม แต่สิ่งนึงที่ผมทำได้ คือ ผมจะไม่ลืมเธอ







            ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้เลิกกับเธอ ผมยังคงเป็นสามีเธออยู่ ผมยังคงเป็นพ่อหมีของลูกหมูอยู่เสมอ

            ขอบคุณทุกกำลังใจครับ ที่อ่านที่ผมพิมพ์มาทั้งหมด ผมและเธอได้ข้อคิดดี ๆ จากผู้ชายคนนึงที่หลาย ๆ คนรู้จัก พี่พิงค์ ลำพระเพลิง และเธอก็จากผมไป ด้วยข้อคิดเหล่านั้น

            "ใช้ชีวิต ให้เหมือนกับเหลือแค่ 5 นาทีสุดท้าย" 

            ฟังดูเหมือนเป็นการแช่งคนที่เรารักนะครับ แต่.... มันมีความหมายคือ อยู่กับคนที่เรารักให้ทุกวินาทีมีความหมายมากที่สุด แล้ววันนึงที่เขาหรือเธอจากไป ทุกวินาทีทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในความทรงจำ ผมสัญญาว่า จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ ผมยอมรับครับ ผมยังอ่อนแอ ยังคิดถึง ยังอาวรณ์เธออยู่

            เธอไม่ใช่คนสวย คนหุ่นดี เธอแค่คุยกับผมรู้เรื่อง เธอเข้าใจผม คนที่รักกันไม่จำเป็นต้องสวยหรือน่ารัก หุ่นดีอะไร แค่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นก็พอแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ รักคนที่อยู่ตรงหน้าให้มาก ๆ มองความรักให้เป็นสิ่งสวยงามครับ ถึงจะจากกันแต่ความทรงจำดี ๆ ก็ยังจำอยู่ในหัวเราเสมอ"








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เกือบ 1 เดือน ที่อยู่คนเดียว... ความในใจของลูกผู้ชายที่สูญเสียคนรัก โพสต์เมื่อ 5 ตุลาคม 2555 เวลา 17:09:18 139,054 อ่าน
TOP
x close