ความสุขอยู่ไม่ไกลแค่ปลายจมูกของเราเอง (ใยไหม)
ผู้มีดวงตาทางปัญญาเพียงหนึ่งเดียว มีค่ามากกว่าดวงตาทางกายภาพนับพันดวง เพราะดวงตาทางปัญญา จะช่วยให้เรามองเห็นความจริง
ในบรรดาสิ่งที่แสวงหาแล้วได้มาด้วยความยากลำบากในความเข้าใจของคนเราก็คือ "ความสุข" เพราะเมื่อมองดูจากกิจกรรมชีวิตที่แต่ละคนกำลังไขว่คว้าหาอยู่นั้น ก็เพื่อตอบโจทย์ชีวิตให้มีความสุขด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งที่ใช้ทรัพย์ภายนอกเป็นตัวหล่อเลี้ยง และการสร้างคุณภาพทางจิตให้ประสบกับภาวะของความสุข แต่บทสรุปของการแสวงหาก็เพื่อ "ต้องการความสุขเป็นหลักประกันให้กับชีวิตด้วยกันทุกคน"
แต่บางครั้งความสุขในความเข้าใจของคนเรา ก็คลาดเคลื่อนไปตั้งแต่เริ่มต้นดำริคิด คำตอบที่ได้รับจึงยาก และซับซ้อนเข้าไปอีกหลายขั้นตอน ทั้งที่ความสุขนั้นอยู่กับเราทุกขณะวินาทีแต่เพราะเรามองข้ามไปไกลเกิน สิ่งที่อยู่ใกล้จึงช่างดูเหมือนไกลเกินคว้าเอื้อมมาครอบครอง
ผู้อ่านอาจจะได้รับฟังอยู่บ่อย ๆ กับคำกล่าวที่ว่า "เส้นผมบังภูเขา" ซึ่งบางครั้งเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เส้นผมจะบังภูเขาได้อย่างไร ถ้าเป็นนิ้วมือมาบังที่ตา แล้วทำให้มองไม่เห็นภูเขาก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้บ้าง แต่เส้นผมบังภูเขานี้มองมุมไหนก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
ผู้อ่านลองทดสอบดูก็ได้ว่า เส้นผมสามารถบังภูเขาได้อย่างไร ด้วยการใช้เส้นผมแหย่เข้าไปในดวงตาของตัวเอง ตาที่เคยมองเห็นอย่างปกติจะถูกปิดลงทันที หรือไม่ก็ทำให้เกิดความพร่ามัว จนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ แม้กระทั่งภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า
ถึงแม้อาจจะเป็นการแสดงมุมมองแบบง่าย ๆ เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่เมื่อเปรียบกับชีวิตของคนเราก็คงคล้ายกัน คือสิ่งที่ใกล้ ๆ นั่นแหละมักจะทำให้เรามีปัญหาในแต่ละขณะ ทำให้ความสุขที่อยู่ใกล้ ๆ เสมือนอยู่ไกลแสนไกลทันที ทั้งที่ความสุขนั้นอยู่ใกล้เหมือนจมูกที่ติดอยู่ที่ใบหน้าของเรา แต่ก็มองไม่เห็นว่ามีรูปลักษณ์อย่างไร
ความสุขที่เกิดขึ้นเสมือนสิ่งที่ใกล้แค่ปลายจมูกนั้น ซึ่งเกิดจากการรู้จักกำหนดรู้ลมหายใจแต่ละขณะอย่างมีสติ โดยไม่ต้องพึ่งวัตถุเงินทองมาหลอกล่อแต่อย่างใด แต่เป็นการกลับมามองจิตใจข้างในของตัวเองให้ชัด เพื่อให้ความรู้สึกข้างในนั้นสัมผัสกับความสุขที่แท้จริงได้
เพราะจิตใจถือว่าเป็นต้นขั้วในการรับรู้ความสุขและทุกข์ที่เกิดขึ้นในตัวเรา หากมีการเรียนรู้ที่จะอยู่กับแต่ละขณะของลมหายใจอย่างมีสติ นั่นชื่อว่าเป็นการสร้างกระบวนการจัดการให้ความสุขมีที่อยู่อาศัย เป็นการสร้างกรอบของความสุขให้อยู่ใกล้ ๆ ใจเรา เพื่อให้ใจได้รับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละขณะอย่างเท่าทัน และก้าวไปสู่ความสุขที่มีอยู่แต่ละขณะด้วยปัญญาที่งดงาม
การสร้างความสุขโดยผ่านปลายจมูกนั้น คือ การปลูกความรู้สึกตัวให้เกิดมีในตัวเรา อาจจะด้วยการทำสมาธิเพื่อกำหนดรู้อารมณ์ที่ผ่านเข้ามาในห้วงความรู้สึก ทำลมหายใจให้เป็นสายธารแห่งความสุขที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างลมหายใจแห่งสุขให้แวดล้อมตัวเรา
เพราะสติที่กำหนดรู้ผ่านลมหายใจเข้าและออกอย่างเท่าทันนั้น จะเข้าไปสร้างภาวะของความอิ่มเอมให้กับจิต เพื่อหล่อเลี้ยงจิตให้มีความสุขเป็นบรรยากาศแวดล้อมภายใน เมื่อความสุขที่เกิดขึ้นจากภาวะภายในมีมากพอ การเรียกร้องความสุขจากภายนอกก็จะเริ่มลดลง กระทั่งว่าความจำเป็นภายนอกนั้น เป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกให้สังขารดำรงอยู่ได้เท่านั้น
ผู้อ่านเคยสังเกตไหมว่าการที่เราดิ้นรนแสวงหาทุกสิ่งมาปลอบประโลมชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุที่เราต้องการเกียรติยศ ชื่อเสียง คำสรรเสริญเยินยอ และความสุขที่คิดว่าถาวรมั่นคง ก็ล้วนเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจให้สมปรารถนา เหตุผลของความสุขหรือทุกข์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างล้วนมีจิตใจเป็นผู้รองรับทั้งสิ้น
แต่เพราะเรามีวิธีการแสวงหาความสุขผิดไป ผลที่ได้รับจึงเพี้ยนจากความสุขที่ควรจะมีอย่างน่าเสียดาย สิ่งที่ได้รับตอบคืน จึงเป็นความสุขที่เผ็ดร้อนแทน ถึงจะมีรสชาติแต่ก็มักตามมาด้วยปัญหาที่ยุ่งเหยิงเสมอ
แต่ถ้าใส่ใจรายละเอียดของชีวิตอย่างมีสติ บางทีการดิ้นรนของเราอาจจะลดน้อยลง แต่ความสุขที่ตามหากลับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เป็นเสมือนการสร้างดวงตาเพื่อทองให้เห็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับการที่เรามองเห็นภูเขาที่ตั้งตระหง่าน แล้วรู้สึกดีกับธรรมชาติที่ปรากฏต่อสายตา ณ เบื้องหน้านั้นด้วยภาวะที่ชัดเจน
การมองหาความสุขเพื่อมอบให้แก่ชีวิตก็เช่นเดียวกันเราควรเริ่มที่การสร้างดวงตาของเราให้แจ่มใส ด้วยการใช้สติปัญญาในการสอดส่องสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และทำความรู้จักต่อสิ่งที่มีด้วยความคุ้นเคยอย่างรู้เท่าทัน เมื่อนั้นความสุขที่ปรารถนาย่อมไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะคว้ามาครอง
เพลโต นักปรัชญาผู้เรืองนามกล่าวไว้ว่า
"ผู้มีดวงตาทางปัญญาเพียงหนึ่งเดียว มีค่ามากกว่าดวงตาทางกายภาพนับพันดวง เพราะดวงตาทางปัญญาจะช่วยให้เรามองเห็นความจริง"
เช่นเดียวกับการมองเห็นความจริงของความสุข แท้ที่จริงนั้นความสุขอยู่ใกล้กับเราเสมือนแนบชิดติดกัน คือใกล้จิตใจที่รับรู้อยู่ทุกขณะ ขอเพียงแต่เราสร้างอุปกรณ์เชื่อมต่อความสุขให้เจอ และส่งผลไปยังจิตใจภายในอย่างถูกวิธี เราย่อมได้ลิ้มรสความสุขโดยไม่ต้องเหนื่อยในการแสวงหา หรือดูแลรักษาและซ่อมแซมเช่นอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไป
ความสุขเริ่มต้นได้ที่ใจของเราเอง อาจจะส่งทอดผ่านลมหายใจที่เข้าออกอย่างมีสติ หรือการสร้างความรู้สึกตัวผ่านการเคลื่อนไหวของกาย และกำหนดรู้จิตที่คิดนึกอย่างเท่าทัน
เพียงแค่นี้ทุกอิริยาบถของการก้าวไปบนเส้นทางชีวิตย่อมเป็นหนทางที่มีกลืนกุหลาบของความสุขโปรยนำทาง และมีความงดงามภายนอกเป็นสภาพแวดล้อมให้เราได้ชื่นชมอย่างอบอุ่นเสมอ
เพราะความสุขนั้นอยู่ไม่ไกล อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของเรา
เว้นเสียแต่ว่าเราจะค้นเจอหรือไม่เท่านั้นเอง