x close

ตะลึง! เมืองไทยมีปืนถูกกฎหมายมากถึง 6.2 ล้านกระบอก




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สืบเนื่องจากเหตุการณ์อันเศร้าสลด เมื่อมีชายอเมริกันคนหนึ่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงโรงเรียนอนุบาล จนคร่าชีวิตเด็ก และครูไป รวม 27 ราย ในรัฐคอนเนคติคัส สหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นข่าวที่สะเทือนใจผู้คนไปทั่วโลก และเมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่า ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการบุกยิงโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาในต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้ประเทศเหล่านั้น ต้องหันมาทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการซื้อ-ขาย หรือครอบครองอาวุธปืนเสียใหม่ ซึ่งในประเทศไทยเองก็เริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน
 
          และจากการนำเสนอข่าวของสื่อต่าง ๆ พบว่า ปัญหาอาชญากรรมจำนวนมากที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เกิดจากการใช้ปืนเป็นอาวุธเช่นกัน เช่น ข่าวการปล้นชิงทรัพย์ หรือการก่อเหตุความรุนแรงต่าง ๆ รวมถึงการยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความคึกคะนอง เนื่องจากในปัจจุบันมีการจำหน่ายปืน และกระสุนปืนแต่ละชนิดอย่างเสรี ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย วันที่ 8 ธันวาคม 2555 รัฐบาลได้ชี้แจงถึงมาตรการควบคุมการจำหน่ายปืน และกระสุนปืนในประเทศไทย ดังนี้
 
          1. ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย (มท.) ออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซมเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 8 กันยายน 2552 ตามรายละเอียดต่อไปนี้
 
          1) อาวุธปืนยาวทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 50 กระบอก
          2) อาวุธปืนสั้นทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 30 กระบอก
          3) เครื่องกระสุนปืน แยกเป็น

          กระสุนปืนลูกโดดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 2,000 นัด
         
กระสุนปืนลูกซองทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 7,500 นัด
         
กระสุนปืนลูกกรดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 10,000 นัด
         
กระสุนปืนอัดลมทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ 30,000 นัด
 
          โดยร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจะต้องรายงานยอดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่คงอยู่และที่จำหน่ายไปให้นายทะเบียนท้องที่ทราบทุกเดือน และยังมีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปดำเนินการตรวจสอบเป็นประจำ และมีการจัดทำโครงการฐานข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสามารถตรวจสอบข้อมูลติดตามการจำหน่ายกระสุนปืนได้อย่างเป็นระบบทั่วประเทศ
 
          ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2550-2554 ร้านจำหน่ายกระสุนปืนได้แจ้งจำนวนการจำหน่ายกระสุนปืนแต่ละประเภท ดังนี้

          กระสุนปืนลูกโดด จำนวน 263,272 นัด
          กระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1,218,389 นัด
          กระสุนปืนลูกกรด จำนวน 557,900 นัด
          กระสุนปืนอัดลม จำนวน 1,260,000 นัด

 
          2. มท.ไม่มีนโยบายใช้บาร์โค้ดกำกับการซื้อขายกระสุนปืน แต่มีโครงการจัดเก็บข้อมูลหัวกระสุนปืนเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลประวัติอาวุธปืน สำหรับใช้ในการตรวจสอบประวัติการกระทำผิด เพื่อการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสถิติจำนวนร้านจำหน่ายปืนและหลักเกณฑ์การพิจารณา มีดังนี้
 
          1) มท. ได้มีคำสั่งในปี 2535 เรื่องการออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 โดยจำกัดการเพิ่มร้านค้าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนมิให้เพิ่มจำนวนขึ้น และหากเห็นสมควรให้ลดจำนวนลงได้
 
         
2) มท. ได้มีคำสั่งในปี 2552 เรื่อง การออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน และกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า ลงวันที่ 8 กันยายน 2552 ยกเลิกคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ตามข้อ 1)
 
          จากเกณฑ์ดังกล่าว พบว่า ก่อนที่จะมีคำสั่งในปี 2535 เรื่องการจำกัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนนั้น มีจำนวนร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวน 335 ใบอนุญาต และหลังจากที่มีการออกคำสั่ง ในปี 2552 มีจำนวนร้านค้าที่ขอออกใบอนุญาตเพิ่มขึ้น จำนวน 167 ใบอนุญาต ดังนั้นสรุปได้ว่า ในปัจจุบันมีร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวนทั้งสิ้น 502 ใบอนุญาต แยกเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 381 ใบอนุญาต ในจังหวัดอื่น จำนวน 121 ใบอนุญาต
 
          3. รายละเอียดอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งหมดที่อนุญาตให้ครอบครอง ตั้งแต่ปี 2553-ปัจจุบัน และมีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืน ตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน มีดังนี้
 
1) ปัจจุบันอาวุธปืนที่อนุญาตให้บุคคลครอบครองทั่วประเทศมี 2 ประเภท คือ

          1.1 อาวุธปืนสั้น จำนวน 3,744,877 กระบอก
         
1.2 อาวุธปืนยาว จำนวน 2,476,303 กระบอก

          รวมจำนวน 6,221,180 กระบอก
 
2) มีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืนตั้งแต่ปี 2550-ปัจจุบัน จำนวน 2 ชนิด คือ อาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนยาว จำนวนทั้งสิ้นแยกเป็นรายปี ดังนี้
 
         
2.1 ปี 2550 จำนวน 61,112 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 48,063 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 13,049 กระบอก
 
         
2.2 ปี 2551 จำนวน 64,798 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 45,826 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 18,972 กระบอก
 
         
2.3 ปี 2552 จำนวน 35,589 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 15,933 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 19,656 กระบอก
 
         
2.4 ปี 2553 จำนวน 80,730 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 65,193 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 15,537 กระบอก
 
         
2.5 ปี 2554 จำนวน 21,102 กระบอก แยกเป็น

          - อาวุธปืนสั้น จำนวน 11,175 กระบอก
          - อาวุธปืนยาว จำนวน 9,927 กระบอก

 
          จากการข้อมูลดังกล่าว ทำให้ทราบว่า มีปืนถูกกฎหมายในประเทศไทยถึง 6.2 ล้านกระบอก จากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 63 ล้านคน ซึ่งสามารถคำนวณง่าย ๆ คือ ทุก 10 คน จะมีปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอก โดยจำนวนนี้นับเฉพาะปืนถูกกฎหมาย ยังไม่รวมปืนเถื่อนและปืนไทยประดิษฐ์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวน่าจะทำให้หลายฝ่ายหันมาทบทวนกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองปืนอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นปืน หรือกระสุนปืนชนิดใดก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต 
 
 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- isranews.org



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตะลึง! เมืองไทยมีปืนถูกกฎหมายมากถึง 6.2 ล้านกระบอก โพสต์เมื่อ 18 ธันวาคม 2555 เวลา 16:44:27 6,989 อ่าน
TOP