x close

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต



ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            เรื่องราวของสาวลูกครึ่งไทย-ฟินแลนด์ วัย 27 ปี อย่าง จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก ที่ได้พบกับคุณแม่ครั้งแรก หลังจากที่พลัดพรากกันมานานถึง 24 ปี คงสร้างความประทับใจ และสร้างความตื้นตันใจให้กับคุณผู้ชมเป็นอย่างมาก... ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้ว่า พลังแห่งความรักระหว่างแม่กับลูกนั้น ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกันข้ามแผ่นฟ้า ผืนน้ำ ก็ไม่สามารถขวางกั้นได้ ส่วนในค่ำคืนวานนี้ (29 มกราคม) ทางรายการตีสิบ ก็ได้พาคุณแม่ปราณี และ จูลี่ มาพูดคุยกันถึงกิจกรรมที่เธอได้ทำระหว่างอยู่เมืองไทย และความรู้สึกหลังจากที่เธอรู้ว่า เธอมีแม่ที่แท้จริงและมีครอบครัวที่อบอุ่นต้อนรับเธอเสมอ... 

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            โดย จูลี่ กล่าวว่า วันแรกที่เราได้เจอกันนั้นยังไม่กลับไปนครพนม เรานอนด้วยกันที่โรงแรม นอนกอดกัน แล้วร้องไห้กันทั้งคืน ตนมีความสุขมากที่ได้อยู่กับแม่ หลังจากที่ตนตามหาแม่มาตลอดทั้งชีวิต...

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            เมื่อพิธีกรถามว่า หลังจากที่เดินทางไป จ.นครพนม แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างที่คาดหวังหรือไม่ จูลี่กล่าวว่า ตนไม่เคยคาดหวังอะไรเลย ตนพูดมาเสมอว่า ไม่ว่าแม่ตนจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าแม่จะเป็นใคร ถ้าตนได้เจอแม่ ตนก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ปรับตัวทุกอย่างเพื่อแม่ วันแรกเมื่อตนไป จ.นครพนม ตนปลื้มใจมาก ทุกคนต่างมาทักทายตน ทุกคนอยากรู้จักตน และมีการต้อนรับอย่างอบอุ่น เปิดประตูมาเจอเพื่อนบ้าน ซึ่งทุกคนน่ารักกับตนมาก ๆ เลย อีกอย่างที่ตนดีใจ คือ ตนมีคุณยาย มีน้องสาวอีก 3 คน และมีน้องชายอีก 1 คน เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความสุขมาก ๆ 

            ส่วนคุณแม่ปราณีก็เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับจูลี่ และคุณหน่อยด้วย ทุกคนที่นี่จำจูลี่ได้ บางคนก็บอกว่าตอนเด็ก ๆ เคยอุ้มจูลี่นะ ตอนเด็ก ๆ จูลี่เป็นเด็กคนโปรดที่ทุกคนหลงรัก เพราะน่ารัก และเป็นเด็กลูกครึ่งคนแรกในหมู่บ้าน 

            หลังจากที่ทุกคนในครอบครัว และเพื่อนบ้านร่วมกันทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับจูลี่ ด้านจูลี่ก็กล่าวด้วยความปลื้มใจว่า... สิ่งแรกที่ต้องพูดเลยคือขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ผ่านมาตนไม่มีแม่ แต่พอมาวันนี้ตนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ทุกคนมอบให้ตน ตนไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ถึงแม้ว่าตนจะพูดออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ดีนัก แต่อยากจะบอกว่าความรู้สึกข้างในนั้น ตนมีความสุขมากเหลือเกิน และตนจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะที่นี่คือครอบครัว คือบ้านของตน... และทุกคนจะอยู่ในหัวใจของตน โดยเฉพาะแม่ คุณยาย และน้อง ๆ 

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            ส่วนคนสำคัญที่จูลี่จะลืมไม่ได้เลย นั่นก็คือคุณหน่อย ที่ทำให้จูลี่กับคุณแม่ได้เจอกัน โดยคุณแม่ปราณีบอกว่า... จูลี่เล่าเรื่องราวชีวิตตอนเด็ก ๆ ให้ฟัง ว่าถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้ง และเปรียบชีวิตตัวเองเหมือนซิลเดอเรลล่า ส่วนคุณหน่อยก็เหมือนนางฟ้าที่มาประทานพรให้ ส่วนเรื่องราวสมัยเด็ก ๆ ของจูลี่นั้น ตนบอกกับลูกเลยว่า ถ้ามาอยู่ที่นี่จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน... 

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            ตลอด 3 วัน 2 คืน ที่จูลี่กับคุณแม่ปราณีอยู่ด้วยกันนั้น เธอได้ชวนคุณแม่และน้อง ๆ ไปตกปลา โดยเธอคุยใหญ่เลยว่า เธอสามารถตกปลานิลตัวเบิ้ม ๆ ได้ถึง 2 ตัว  แถมยังได้ฝึกพูดภาษาไทยด้วย ส่วนน้องสาวของตนก็น่ารักมาก พยายามดูแลตนเหมือนตนเป็นน้องสาวแทนที่จะเป็นพี่สาวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินที่น้องสาวพยายามชวนกินตลอดเวลา ทำให้เวลา 3 วันที่เธอมาอยู่ จ.นครพนมนั้น เธอมีความสุขกับการกินมากจนน้ำหนักพุ่งขึ้น 3 กิโลกรัม แต่อาหารที่เธอไม่กล้าลอง ก็คือ ผัดเขียดที่น้องสาวเธอทำให้ เธอไม่กล้ากินจริง ๆ (หัวเราะ)

            ทั้งนี้ จากรายการคราวก่อน หลายคนก็สงสัยว่า คุณแม่ปราณีแยกทางกับคุณพ่อของจูลี่ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ทำไมภาษาอังกฤษของคุณแม่ปราณียังดีอยู่เลย ด้านคุณแม่ปราณีตอบว่า เพราะละแวกบ้านมีฝรั่งอยู่เยอะ และเพื่อน ๆ ก็มีสามีฝรั่งกัน เลยได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่เรื่อย ๆ

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            ด้านพิธีกรถามว่า เมื่อตอนนี้ทุกอย่างจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งแล้ว... จูลี่ จะวางแผนการใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป จูลี่ กล่าวว่า ตนอยากจะให้แม่ไปอยู่ด้วยมาก ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตนมีภาระต้องดูแลน้องลูกติดของแม่เลี้ยงอีก 2 คน แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะกลับมาเยี่ยมแม่บ่อย ๆ แต่ครั้งต่อไปตนจะมาเมืองไทยไม่ใช่ในฐานะแขกอีกแล้ว ตนจะมาในฐานะลูกที่มาเยี่ยมแม่ ลูกที่กลับมาหาแม่ที่บ้าน

            นอกจากนี้ จูลี่ ยังกล่าวอีกว่า.. ความอบอุ่นที่เธอได้รับนี้ เธอไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เธอตื่นเช้าขึ้นมาแล้วมีแม่มาหอมแก้ม มีน้องมาพูดคุยด้วย มีญาติ ๆ ที่คอยต้อนรับ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่การไปครั้งนี้ไม่ใช่การจากลา เพราะครอบครัวของเธออยู่ที่นี่แล้ว... ที่นี่เป็นบ้านของเธอ 

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต

            สุดท้ายนี้ เธอต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมให้เธอได้เจอแม่ และเชื่อว่านี่เป็นผลงานของพระผู้เป็นเจ้าที่เธอพร่ำภาวนามาโดยตลอด... 

            "ขอขอบคุณพระเจ้าที่ประทานครอบครัวให้กับหนู ขอบคุณคุณหน่อยที่เป็นนางฟ้าทำให้ฝันของหนูเป็นจริง ขอบคุณคุณไฮเนกี้ เจ้านายของตนสำหรับการสนับสนุนในทุก ๆ อย่าง ขอบคุณคุณเรเน่ สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินมาเมืองไทยให้ หลังจากที่หนูเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง หนูโชคดีที่เจอคนดี ๆ มาโดยตลอด และสุดท้ายหนูขอบคุณแม่เลี้ยงด้วย ถึงแม้หนูกับเขาจะมีความทรงจำที่ไม่ดีร่วมกัน แต่ก็ต้องขอบคุณที่เขาเลี้ยงหนูให้เติบโตมา ทำให้หนูโตมาเป็นคนแบบนี้... หนูอาจจะขอบคุณไม่หมด แต่พระเจ้าคงรับรู้ว่าในใจของหนูรู้สึกของคุณทุกคนมากขนาดไหน... "



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตามติด... จูลี่ ฟอร์สเบิร์ก กับครอบครัวที่ตามหามาตลอดชีวิต โพสต์เมื่อ 30 มกราคม 2556 เวลา 13:30:03 10,831 อ่าน
TOP