ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก kidsmatter
"เด็ก" ในวันนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่งดงามในวันข้างหน้า พวกเขาต้องได้รับการเตรียมพร้อมพัฒนาทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา โดยหนึ่งในพัฒนาการสำคัญที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ในทุกด้าน คือพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ ซึ่งเป็นตัวควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทั้งนี้ ทางคอลัมน์ สดจากเยาวชน ของหนังสือพิมพ์ข่าวสด จึงได้แนะนำสถานที่ที่นอกจากจะช่วยฝึกทักษะในด้านการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานได้คล่องแคล่วและสัมพันธ์กันแล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ ได้เช่นกัน
โดย สถาบันคิดส์แมทเทอร์ (Kidsmatter) เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็กวัย 3-12 ปี โดยมีหลักสูตรที่นอกเหนือจากการเรียนทฤษฎีภายในห้องสี่เหลี่ยม ประกอบด้วยกิจกรรมปั้นดินเผา เป็นการทำงานปั้นดินเหนียวพื้นบ้านแบบเทคนิคกลวง กิจกรรมเซรามิก การสร้างงานเครื่องเคลือบดินเผาขั้นพื้นฐาน และกิจกรรมศิลปะเด็กแนวสร้างสรรค์ สอนให้เด็กเรียนรู้งานศิลปะด้านต่าง ๆ
ทั้งนี้ ปุณฑริกา เปรมาสวัสดิ์ ผู้บริหาร เล่าจุดเริ่มต้นถึงการสร้างสถาบันดังกล่าว ว่า ตนมีลูกฝาแฝดชาย-หญิง แต่ลูกชายเป็นโรคชักบ่อยประมาณ 8 ครั้ง จึงกลัวว่าจะมีผลต่อสมองของเด็ก ประกอบกับแพทย์ที่รักษาระบุว่าน้องสมาธิสั้น ต้องหากิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ จึงให้น้องไปเรียนเกี่ยวกับการปั้นประมาณ 1 ปี จนถึงตอนนี้น้องกลับมาเป็นปกติ และเรียนเก่งมากกว่าลูกสาวฝาแฝดอีกคนเสียอีก
คุณแม่นักบริหาร บอกต่อว่า สิ่งที่เราเห็นผลได้ชัดว่าการปั้นช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ คือ ลูกสาวที่ไม่ได้เรียนปั้น เมื่อครูให้คัดลายมือจะบ่นว่าเมื่อยมือ แล้วลายมือก็ไม่สวยเท่ากับลูกชายที่เรียนปั้น โดยลูกชายนั้นจะเห็นได้ชัดว่าสมองและมือทำงานสัมพันธ์กันได้อย่างที่ต้องการ เพราะกล้ามเนื้อมือพัฒนาเต็มที่แล้ว
ในการปั้นสิ่งต่าง ๆ นั้น เด็กต้องใช้แรงทั้งการทุบ จับ บีบ กด และคลึง ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็กพัฒนาไปพร้อมกัน การเรียนศิลปะของที่นี่ไม่เน้นที่ผลงาน แต่จะเน้นกระบวนการให้เด็กเรียนรู้ระหว่างที่ทำ เพราะก่อนเริ่มทำเด็กจะคิดมาก่อนแล้วว่าวันนี้จะทำอะไร เด็กจะวางแผนการทำด้วยตัวเอง สมองของเด็กจึงได้รับการกระตุ้นที่ดีกว่าในห้องเรียนที่ไม่มีการปฏิบัติซึ่งเด็กจะรับฟังเพียงอย่างเดียว แทนที่จะได้คิดและลงมือทำด้วยตัวเอง โดยระหว่างที่ทำ เซลล์สมองจะเชื่อมต่อกันเป็นวงจรในการจัดระบบความคิด ทำให้เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ฉลาดและรู้จักคิด เมื่อเด็กมีความคิดสร้างสรรค์จะสามารถต่อยอดความรู้ต่อไปได้ และฝึกให้เด็กมีความมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จลุล่วง
สำหรับแนวทางของคิดส์แมทเทอร์ มีครูผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะหลายคนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันสอน เด็ก ๆ สามารถเลือกได้ว่าอยากเรียนกิจกรรมใดเป็นพิเศษ หรือจะเลือกเรียนทุกกิจกรรม แต่ละกิจกรรมจะมีให้เลือกเรียนตั้งแต่ 4-48 ครั้ง เวลาการสอนครั้งละ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
ด้านครูหลิว นันทกา พันธุ์งาม อธิบายการสอนในกิจกรรมเซรามิก ว่า เราจะสอนให้เด็กเรียนรู้ขั้นตอนการทำเซรามิก ซึ่งมีทั้งการขึ้นรูปด้วยมือ และการขึ้นรูปด้วยการกดพิมพ์ การตกแต่งออกแบบภาชนะด้วยเทคนิคการเคลือบ การใช้สีใต้เคลือบ และน้ำดินสี ส่วนการจัดรูปแบบการสอนจะแตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์ ประมาณ 20 รูปแบบ เช่น แก้วน้ำ ชาม เหยือกน้ำ เป็นต้น โดยกำหนดว่าแต่ละชิ้นงานต้องนำไปใช้งานได้จริง ทั้งนี้ จะทำให้เด็กเกิดกระบวนการคิดคำนวณและเกิดความคิดสร้างสรรค์ ส่งผลไปถึงสมองในระบบความจำ เพราะการทำเซรามิกจะมีขั้นตอนเยอะ เด็กจะต้องจัดการความคิดด้วยตัวเอง
ทางด้าน ครูซัน สรัล สุขเจริญยิ่งยง พูดถึงกิจกรรมศิลปะเด็กแนวสร้างสรรค์ว่า เราจะกำหนดให้เด็กทำกิจกรรมหลายประเภท เช่น วาดภาพ งานประดิษฐ์ งานภาพพิมพ์ เปเปอร์มาเช่ เด็กจะได้เรียนรู้การใช้สี พื้นฐานการผสมสี เทคนิคที่ใช้ในงานศิลปะ และทักษะการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ระหว่างการเรียนจะทำให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างและกล้าแสดงออกมากขึ้น เมื่อไม่เข้าใจเด็กจะซักถามและพูดคุย เราไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ว่าเด็กจะต้องทำได้ดีแค่ไหน แต่ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ความคิดและพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กในการเคลื่อนไหว พร้อมกับการเรียนรู้และฝึกฝนงานด้านศิลปะ เพื่อให้เด็กมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับงานที่ทำจนสำเร็จ
ส่วน ครูอ๋อง วรายุทธ พิริยะกูลธร กล่าวถึงกิจกรรมปั้นดินเผาว่า การสอนจะขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก ถ้าเป็นเด็กเล็ก 3 ขวบ จะให้ปั้นตุ๊กตุ่นตัวเล็ก ๆ โตขึ้นมาหน่อยจะให้ปั้นภาชนะต่าง ๆ ถ้า 5 ขวบขึ้นไปจะให้ทำตุ๊กตาตัวใหญ่ เริ่มแรกเราจะถามเด็กก่อนว่าต้องการปั้นอะไร แล้วจึงสอนกระบวนการปั้นและคอยให้ คำแนะนำตั้งแต่การขึ้นรูปจนสำเร็จเป็นชิ้นงาน ถ้าเด็กไม่สนใจก็ต้องใช้วิธีหลอกล่อและเกลี้ยกล่อมเพื่อดึงความสนใจให้เด็กทำต่อ เด็กจะสามารถทำด้วยตัวเองและทำได้นานขึ้น เข้าใจคำสั่ง และมีจินตนาการสร้างสรรค์มากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานโดยมีครูคอยเอาใจใส่และให้ความสนใจ เมื่อเด็กทำไม่ได้จะเกิดการตั้งคำถามและได้เรียนรู้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
