
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เมื่อทรัพยากรธรรมชาติอย่าง "น้ำมัน" ร่อยหรอลงไปทุกวัน ๆ สวนทางกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนทั่วโลกจึงต้องแบกรับภาระส่วนนี้เพิ่มอย่างเสียไม่ได้ แน่นอนว่า คนไทยที่มีรถส่วนตัวเองก็ต้องกระเป๋าฉีกทุกเดือนเมื่อต้องควักเงินจ่ายค่าน้ำมันที่สะท้อนความเป็นจริง
จากข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 พบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 46.45 บาทต่อลิตร ขณะที่น้ำมันเบนซิน 95 แตะที่ 48.95 บาทต่อลิตร คาดว่าอีกไม่นานมีสิทธิ์ได้เห็นราคาน้ำมันแตะที่ 50 บาทต่อลิตรเป็นแน่ และด้วยตัวเลขราคาน้ำมันที่เห็นแล้วแทบลมจับ ก็ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนบ่นดัง ๆ พลางตั้งข้อสงสัยว่า คนไทยกำลังใช้น้ำมันในราคาแพงเกินจริงหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองไปสำรวจข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่จัดอันดับ 60 ประเทศ ไล่เรียงราคาน้ำมันแพง-ถูกที่สุดในโลกประจำปี 2556 โดยวัดจากราคาขายปลีกของสถานีบริการน้ำมันแล้ว จะพบว่า "ประเทศตุรกี" ใช้น้ำมันแพงที่สุดในโลก ราคาแตะที่ 9.89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอน หรือคิดเป็นลิตรละ 78 บาท ตามมาด้วย "นอร์เวย์" ที่ 9.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอน (ลิตรละ 76 บาท) และ "เนเธอร์แลนด์" รั้งอันดับ 3 ที่ 9.09 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอน (ลิตรละ 71.50 บาท)
ขณะที่ "ประเทศไทย" ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 47 มีราคาน้ำมันอยู่ที่ 4.42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อแกลลอน คิดแล้วก็ตกลิตรละประมาณ 34 บาท ถือว่าเราจ่ายค่าน้ำมันถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "สิงคโปร์" ที่อยู่ในอันดับที่ 37 ขายน้ำมันตกลิตรละ 50 บาท รวมทั้ง "ฟิลิปปินส์" ที่ติดอันดับที่ 43 ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมันกันลิตรละ 38.50 บาท
10 อันดับประเทศที่ขายน้ำมันแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2556











มองเผิน ๆ อาจจะเข้าใจว่า ราคาน้ำมันที่ขายกันในประเทศไทยไม่ได้สูงเว่อร์กว่าประเทศอื่นมากนัก แต่อย่าลืมว่า นี่เป็นเพียงการจัดอันดับที่อ้างอิงจากตัวเลขราคาน้ำมันที่ขายในประเทศเท่านั้น หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ จริง ๆ ว่า ประเทศไหนใช้น้ำมันถูก ใช้น้ำมันแพงกว่ากัน ต้องเทียบกับค่าครองชีพ อันหมายถึงรายได้ต่อวันของประชากรในประเทศนั้นด้วย
เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าผลที่ได้จะออกมาตรงกันข้าม เพราะประเทศไทยที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยวันละ 17 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 507 บาท) จะติดอันดับใช้น้ำมันแพงมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลกทันที โดยรายได้ต่อวันของคนไทยจะถูกแบ่งสรรปันส่วนไปจ่ายเป็นค่าน้ำมันมากถึง 25%
ขณะเดียวกัน หากย้อนไปดูประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีราคาน้ำมันแพงเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ลิตรละ 76 บาท กลับพบว่า เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว ชาวนอร์เวย์ใช้น้ำมันแพงเป็นอันดับที่ 51 ของโลก ซึ่งน้อยกว่าประเทศไทยหลายเท่า นั่นเพราะชาวนอร์เวย์มีรายได้เฉลี่ยถึงวันละ 8,355 บาท การจ่ายค่าน้ำมันลิตรละ 76 บาท จึงดูเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ ไปเลย

จากข้อมูลการสำรวจของบลูมเบิร์กนี้ ก็คงพอจะเห็นภาพว่า แม้ประเทศในทวีปยุโรปจะขายน้ำมันราคาแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ขณะที่ประเทศในทวีปเอเชียอยู่ในอันดับกลาง ๆ แต่หากนำรายได้ต่อหัวต่อวันของประชากรมาคิดค่าเฉลี่ยแล้ว ถือว่าคนเอเชียต้องกระเป๋าฉีกเพราะค่าน้ำมันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว แน่นอนว่า ไทยแลนด์ ก็ติดอันดับใช้น้ำมันแพงกับเขาด้วยเช่นกัน
และนี่ก็คือ 10 อันดับประเทศที่ใช้น้ำมันแพง เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อวันของประชากร











ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น "มาเลเซีย" อยู่ในอันดับที่ 38 จ่ายค่าน้ำมันลิตรละ 19 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย แถมประชากรยังมีรายได้เฉลี่ยมากถึงวันละ 955 บาท ชาวมาเลเซียจึงจ่ายค่าน้ำมันเพียงวันละ 7.5% ของรายได้เท่านั้น ขณะที่ "สิงคโปร์" ที่ขายน้ำมันราคาลิตรละ 50 บาท แม้จะแพงกว่าไทย แต่รายได้เฉลี่ยเขาสูงถึง 4,148 บาท ทำให้คนสิงคโปร์เสียค่าน้ำมันเพียงวันละ 4.5% ของรายได้
ถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า ประเทศไหนขายน้ำมันราคาถูกที่สุด คำตอบจากการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กก็คือ "ประเทศเวเนซุเอลา" ประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยขายน้ำมันที่ลิตรละ 50 สตางค์ ขณะที่ประชากรมีรายได้ถึงวันละ 925 บาท เท่ากับว่าดินแดนนางงามแห่งนี้จ่ายเงินซื้อน้ำมันเพียงวันละ 0.2% ของรายได้เท่านั้นเอง