x close

ตร. แถลงผลจับกุม 3 ช่างกลโหดฟันน้องแบงค์-แจ้งข้อหาพยายามฆ่า


รวบแล้ว 3 ช่างกลตัดนิ้วน้องแบงค์ วัย 16 เตรียมแถลงวันนี้

รวบแล้ว 3 ช่างกลตัดนิ้วน้องแบงค์ วัย 16 เตรียมแถลงวันนี้


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกบจาก รายการข่าววันใหม่ โพสต์โดย คุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            จากข่าวสุดสลดของน้องแบงค์ นักเรียนชั้น ปวช.ปี 1 สายการตลาด โรงเรียนพาณิชย์ศรีวัฒนา ที่ถูกนักเรียนโรงเรียนช่างกลกรุงเทพ รุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ถูกมีดแทงทะลุปอด ฟันจนนิ้วด้วน 6 นิ้ว เหตุเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักเรียนกลุ่มคู่อริ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถึงจะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มกราคม และทางผู้ปกครองของน้องแบงค์จะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า จนชาวเน็ตต้องประกาศทางโลกออกไลน์ ด้วยการแชร์ภาพและข้อความส่งต่อกันในเฟซบุ๊ก เพื่อขอความช่วยเหลือไปยัง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดังทางช่อง 3 ว่า ขอให้นำเสนอข่าว น้องแบงค์ เพื่อที่จะได้ตามจับคนร้ายได้สำเร็จนั้น

            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (25 กุมภาพันธ์) รายการเจาะข่าวเด่น ก็ได้เชิญน้องแบงค์มาเปิดเผยถึงนาทีระทึกและเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมดให้ได้ฟังกัน โดยน้องแบงค์ เล่าว่า... เมื่อวันที่ 10 มกราคม เวลาประมาณ 16.30 น. ตนเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านมาเปลี่ยนชุดเพื่อจะออกไปซื้อเสื้อกับเพื่อนที่ปากน้ำ ซึ่งตนและเพื่อนได้ขี่จักรยานยนต์กันไป แต่พอถึงร้านเสื้อตนเอาเงินมาไม่พอเลยไม่ได้ซื้อ จึงชักชวนเพื่อนขี่จักรยานยนต์เล่นสักแป๊บก่อนจะกลับบ้าน ทั้งนี้ ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์กันอยู่นั้น เพื่อนของตนก็ไปเจอเพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนชำนิเทคโนโลยี ซึ่งเพื่อนก็ลงไปทักทายกันตามปกติ

            "พอเพื่อนกำลังพูดคุยกับเพื่อนได้สักพัก ตอนนั้นรถติดไฟแดงพอดี จู่ ๆ ก็มีนักเรียนกรุงเทพช่างกล ที่อยู่บนรถเมล์สาย 25 ตะโกนลงมาท้าทายกับเพื่อนของเพื่อน และก็กรูวิ่งลงรถเมล์กันมา จากนั้นก็มีเสียงประทัด ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามาจากฝั่งไหน ผมก็ยืนงง และก็วิ่งหาที่แอบเอาตัวรอด ซึ่งผมแอบไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเท่าไร พอผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมคาดว่าเหตุการณ์คงสงบแล้ว เพราะเสียงเงียบ เลยเดินออกจากที่แอบ และเดินเข้าไปเอามอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ แต่ยังไม่ทันจะสตาร์ทเครื่อง ก็เหมือนกับว่า มีเด็กช่างกลคนหนึ่งเห็นผม จากนั้นก็เรียกพวก และวิ่งเข้ามาหาผม เอาดาบยาวฟันผมจนล้มไปกับรถ แผลแรกฟันเข้ากลางหัวเลย ซึ่งแผลนี้เย็บประมาณ 8 เข็ม ตอนนั้นผมพูดขอร้องว่า ผมไม่ใช่นักเรียนชำนิฯ ครับ แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง ฟันผมอย่างไม่ยั้ง จนผมพูดไม่ออก เลือดเต็มหน้า ด้วยความกลัวผมเอามือมาบังหัว แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครฟันอะไรยังไง แต่พอเอามือมาดูอีกครั้ง ก็ตกใจมาก เพราะนิ้วโป้งหายไป นิ้วอื่น ๆ ร่องแรงไปหมด..."  น้องแบงค์ กล่าว



            น้องแบงค์ ยังเล่าต่อว่า นาทีที่ตนเห็นว่านิ้วโป้งตนหาย ตนร้องไห้เลย ทุกอย่างมันน่ากลัวมาก ตนอยากจะพูดให้เขาหยุด แต่มันพูดไม่ออก ถ้าตนกราบได้ก็จะกราบ ถ้าไหว้ตอนนั้นได้ ก็จะทำ ตนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร มันทรมานมาก ๆ เจ็บปวดแทบทนไม่ไหว... หลังจากที่พวกเขามารุมฟันตนกันอย่างหนำใจ ตนก็เอามือเข้ามาดูอีกที แต่พวกเขายังไม่หยุดเท่านี้ เข้ามาฟันแบบเรียงคิวอีก จนตนได้ยินเสียงของคนในกลุ่มนั้นบอกว่า พอแล้ว เลิกได้แล้ว พวกเขาถึงแยกย้ายกันไป

            "ผมอยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันได้ ทุกอย่างมันน่ากลัวมาก ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงใคร คิดแค่ว่าผมจะรอดหรือเปล่า ร้องไห้ตลอดเวลา แต่ก็ยังพอมีสติอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนที่มากับผม และเพื่อนโรงเรียนชำนิ ก็วิ่งออกมาจากที่ซ่อน มาดูอาการผม ถามว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็บอกกับมันว่า ดูมือกูดิ มึงดูมือกูดิ แล้วก็ร้องไห้ไปด้วย ส่วนเพื่อนก็ตกใจ ไม่กล้าดูมือ และก็พากันอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปโรงพยาบาล แต่ว่าไม่สามารถไปทางปกติได้ เพราะกลัวจะเจอกับคู่อริอีก เลยต้องไปทางลัด ขับลัดเลาะไปในซอย ส่วนผมนั้นก็เอามือวางไว้ที่หน้าตัก เพราะกลัวว่านิ้วจะหลุดตกไปกับพื้น... ระยะเวลาตอนนั้นมันนานมาก กว่าจะถึงโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเมื่อถึงมือหมอผมมั่นใจว่าผมรอดแล้ว เลยหลับตาลง แล้วก็หลับไปเลย..."

            ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน้องแบงค์จะอยากให้มันเป็นฝันร้าย แต่เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า นิ้วมือของเขาหายไป... ทำให้น้องแบงค์ต้องยอมรับว่า ฝันร้ายดังกล่าวมันเป็นเรื่องจริง ที่เขาต้องยอมรับตลอดชีวิต โดยน้องแบงค์กล่าวว่า ตนไม่ได้เก็บนิ้วโป้งที่ขาดไปในตอนแรก แต่ทางตำรวจเก็บมาให้ ซึ่งหมอพยายามจะต่อให้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเซลล์มันตายไปแล้ว ส่วนนิ้วอื่น ๆ ข้างขวา ที่ต่อได้ชัวร์ ๆ ก็คือนิ้วก้อยกับนิ้วชี้ สำหรับนิ้วกลางนั้นพยายามต่อแล้ว แต่ก็ต้องรอให้เส้นประสาทประสานกัน ด้านนิ้วข้างซ้ายเย็บติดได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่สามารถขยับได้ตามปกติ
 


            ขณะที่ คุณแม่ธัญญา คุณแม่ของน้องแบงค์ กล่าวว่า ตอนแรกที่ตนรู้ข่าว ตนช็อกมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ 3 วัน 3 คืน แต่สติก็เริ่มกลับมาเมื่อเห็นลูกเราร้องไห้... ถ้าตนไม่เข้มแข็งแล้วใครจะคอยปลอบลูก ใครจะให้กำลังใจลูก ในวันที่ลูกฟื้นแล้วลูกรู้ว่าลูกไม่มีนิ้ว ลูกร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับบอกตนว่า มีแค่สองนิ้วนะ แม่พาไปหาหมอที่เขาสามารถต่อนิ้วให้หน่อย แต่ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนไม่มีเงินมากพอที่จะพาลูกไปรักษา และนิ้วของลูกก็ขาดสะบั้นแบบไม่สามารถต่อได้ ตนเลยได้ปลอบลูกให้ทำใจ ให้ยอมรับความจริง ถึงลูกจะไม่มีนิ้ว ลูกก็ยังมีแม่ดูแล มีครอบครัว มีเพื่อน ๆ ที่คอยมาให้กำลังใจ ตอนแรกรู้เลยว่าลูกไม่อยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป รู้ว่าลูกทำใจยอมรับไม่ได้ ตนเลยพยายามขอลาพักร้อนจากการเป็นกระเป๋ารถเมล์ และบางวันก็ขอวิ่งรถวันละ 1 รอบแทน เพื่อที่จะมาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

            คุณแม่ธัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับลูกชายของตนได้ เพราะลูกชายตนไม่คิดจะเรียนช่างกลแต่แรก ถึงแม้ว่าโรงเรียนชำนิฯ มันจะอยู่ใกล้บ้าน แต่ลูกตนเลือกที่จะเรียนสายพาณิชย์แทน แม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ไกลกว่ามากก็ตาม ด้านน้องแบงค์ กล่าวเสริมว่า ตนไม่อยากเป็นช่าง ตนเป็นอยากเป็นพนักงานออฟฟิศ ทำงานในที่ดี ๆ แต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ เพราะคิดว่าคงจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้เยอะ ๆ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าทำไมเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นกันตน...

            อย่างไรก็ตาม คุณแม่ เผยอีกว่า ตอนนี้ที่โรงเรียนของน้องแบงค์กำลังจะสอบกัน ซึ่งทางอาจารย์ก็ยืนยันว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ตนก็โล่งใจ ส่วนตอนนี้สิ่งที่ตนกับลูกอยากได้ก็คือนิ้วเทียม และอยากให้ตำรวจตามจับคนร้ายได้สำเร็จ พร้อมกับอยากจะฝากบอกไปยังคนที่ทำร้ายลูกด้วยว่า.. อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีก และไม่อยากเห็นข่าวแบบนี้อีกแล้ว ส่วนด้านน้องแบงค์ฝากถามว่า... จิตใจทำด้วยอะไร ในเมื่อเห็นว่าคนเลือดอาบแล้ว ไม่เข้าใจว่าจะฟันซ้ำอีกเพื่ออะไร...

             อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อช่วงดึกของวานนี้ (25 กุมภาพันธ์) พลตำรวจโท นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลงานของตำรวจสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ และตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ที่จับกุม นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ 3 คน คือ โก้, อ๋อง และคอร์ด ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เพราะยังเป็นเยาวชน พร้อมกับของกลางคือ ชุดนักศึกษาที่ใส่ในวันเกิดเหตุ อาวุธเป็นมีดอีโต้หัวตัดยาว 60 เซนติเมตร

            ทั้งนี้ในเบื้องต้น เยาวชนทั้ง 3 คนให้รับการสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำผิดจริง โดยในวันที่เกิดเหตุได้นั่งรถประจำทางสาย 25 เพื่อกลับบ้าน และเมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุพบว่า มีนักเรียนจากโรงเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีสมุทรปราการ ยืนดักรออยู่ จากนั้นทางคู่อริได้ปาระเบิดปิงปองมาบนรถ จึงวิ่งลงจากรถ พร้อมด้วยอาวุธมีดที่ติดตัว เข้าไปฟันผู้เสียหาย คิดว่าเป็นนักเรียนคู่อริ และพอฟันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร












เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตร. แถลงผลจับกุม 3 ช่างกลโหดฟันน้องแบงค์-แจ้งข้อหาพยายามฆ่า โพสต์เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 08:49:58 4,235 อ่าน
TOP