ไม่ผิด! ไขข้อข้องใจ พระพุทธรูปกอดสาว ที่แท้ปางยับยุม มีอยู่จริง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          ทำเอาชาวพุทธวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น เมื่อมีภาพถ่ายพระพุทธรูปกอดหญิงสาวในลักษณะคล้ายกับว่ากำลังกอดจูบกันโผล่ในโลกไซเบอร์ โดยอ้างว่าเป็นภาพถ่ายที่มาจากประเทศเวียดนาม คำสาปแช่งต่าง ๆ นานาจากพุทธศาสนิกชนปรากฏขึ้นมาตาม ๆ กัน พลางตั้งข้อสงสัยว่า ใครเป็นผู้สร้างพระพุทธศาสนาให้มีลักษณะเช่นนี้ เพราะดูแล้วเป็นการดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

          อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการสืบค้นข้อมูลก็พบว่า จริง ๆ แล้ว พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปแบบวัชรยาน (Vajrayana) ชื่อว่า "ปางยับยุม" (Yab Yum) ของนิกายตันตระ (Tantra) ซึ่งเป็นที่นับถือกันในประเทศอินเดีย ภูฏาน ทิเบต เนปาล และมีมานานตั้งแต่พุทธศักราชที่ 600-900 หรือไม่ต่ำกว่า 1,200 ปีแล้ว โดยมีลักษณะคือ มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตักพระพุทธรูปในอาการเสพสังวาส แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่ามีนิกาย และพระพุทธรูปลักษณะนี้ จึงได้วิจารณ์กันอย่างหนักเมื่อเห็นภาพดังกล่าว

          ทั้งนี้ ลัทธิตันตระยาน หรือ ตันตระ เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา แบบมหายาน ที่จะสร้างรูปเคารพในลักษณะแปลกกว่านิกายหินยาน หรือ เถรวาท โดยนำเอาเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ มาปรากฏในการสร้างพระพุทธรูปด้วย จนบางกลุ่มถูกเรียกว่า "นิกายมนตรยาน"

          ลัทธิตันตระนี้จะเน้นความสำคัญของเทพเจ้าที่เป็นเพศหญิง ดังนั้นแล้ว เทพเจ้าในความเชื่อตามคติของลัทธิตันตระ ซึ่งรวมถึงพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายด้วยนั้น จะมี "ทาระ" หรือ คู่ครอง สวมกอดอยู่ สิ่งนี้เป็นแนวคิดเรื่องหนทางสู่นิพพาน ซึ่งจะต้องเสพกิเลสทุกชนิดจนเกิดความเบื่อหน่าย จากนั้นค่อยคลายกิเลส ในที่สุดก็จะพบกับความหลุดพ้น

          ในทิเบต และประเทศแถบเอเชียใต้นั้น จะใช้พระพุทธรูปปางยับยุมนี้ แทนสัญลักษณ์ความเป็น "พ่อ" และ "แม่" และถือเป็นตัวแทนระหว่าง "ปัญญา" ที่แสดงถึงเพศชาย และ "เมตตากรุณา" ที่แสดงถึงเพศหญิง ซึ่งต้องมีควบคู่กัน เพื่อให้บรรลุธรรม นอกจากนี้ "ปัญญา" และ "กรุณา" ยังหมายถึง "ดวงตา" และ "แขนขา" ที่หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น ทั้งสองสิ่งนี้ต้องทำงานร่วมกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการตรัสรู้ที่สมบูรณ์

          สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายตันตระมีทรรศนะในเชิงบวกต่อเรื่องเพศ และสอนให้สาวกเข้าหากามคุณด้วยสติ ดังนั้นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนที่รักษาศีลห้าสามารถมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองได้ ไม่ได้เป็นการละเมิดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ที่ห้ามไว้ในศีลข้อสามนั้นหมายถึง การห้ามมิให้มีเพศสัมพันธ์นอกการสมรสเท่านั้น อุปมาว่า เพื่อที่จะเอาน้ำออกจากหู เราต้องกรอกน้ำเข้าไปในหูอีก หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ดังนั้นในการเอาชนะกามคุณ เราต้องรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของมัน ถ้าเราไม่รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของมันแล้ว ก็ย่อมไม่อาจอยู่เหนือมันได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไม่ผิด! ไขข้อข้องใจ พระพุทธรูปกอดสาว ที่แท้ปางยับยุม มีอยู่จริง โพสต์เมื่อ 1 มีนาคม 2556 เวลา 18:03:03 27,481 อ่าน
TOP
x close