นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์


นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร - สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล - ส.ศิวรักษ์ - ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เฟซบุ๊ก ตอบโจทย์ประเทศไทย

            ร้อนแรงและเป็นพูดถึงกันในวงกว้างตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อรายการตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา หยิบประเด็นเรื่องของ "สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้ระบบรัฐธรรมนูญ" มาให้บุคคลหลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ

            ทั้งนี้ ในวันที่ 11 มีนาคม ทางรายการได้เชิญ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่คนในสังคมมีความคิดเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งอยากจะให้แก้ไข ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านเรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าว และยังมองว่า กลุ่มคนที่อยากจะให้แก้ไขกฎหมายมาตรานี้ คือคนที่คิดจะล้มล้างสถาบันอีกด้วย

นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย

            โดยตอนหนึ่งของรายการ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เสนอว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ควรจะคุยกันได้ โดยไม่ใช้อารมณ์ ควรจะเปิดเวทีพูดคุยเรื่องนี้กันด้วยเหตุผล เพื่อให้ได้ทั้งสาระและกระบวนการ และควรคุยกันว่าเราควรจะรักษา ปกป้อง เทิดทูนสถาบันกษัตริย์อย่างไร โดยมีกฎหมายที่เหมาะสม ไม่ใช่พูดกันด้วยความเคียดแค้น พูดกันด้วยความเข้าใจผิด

            ดร.สุรเกียรติ์ บอกด้วยว่า ส่วนตัวอยากให้มีหน่วยงานฟ้องคดีแทนสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วมาคุยกันว่าควรจะกำหนดโทษขั้นต่ำหรือไม่ อย่างกรณีที่นักเขียน นักสื่อสารมวลชนเขียนพาดพิงโดยไม่เจตนา ตรงนี้จะเปลี่ยนจากโทษจำคุกเป็นโทษปรับแทนได้หรือไม่ เพราะในการพิจารณาคดีนั้นควรจะดูเรื่องเจตนาเป็นหลัก ขณะเดียวกัน อัยการสูงสุดจะต้องมีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจว่าจะสั่งฟ้องคดีใดได้หรือไม่ เพราะบางเรื่องจำเป็นในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ บางเรื่องควรจะใช้วิธีอื่น

            เมื่อถามว่าการถวายความจงรักภักดีอย่างลึกซึ้งนั้น สามารถทำได้อย่างไร ดร.สุรเกียรติ์ ตอบว่า "ง่ายที่สุดคืออย่าดึงพระองค์ท่านมายุ่งกับการเมือง เรามีความขัดแย้งทางการเมืองอะไร ควรจะแก้กันเองได้แล้ว ไม่ต้องไปดูว่าท่านพูดอย่างไร ท่านว่าอย่างไร เพราะท่านไม่ได้พูด ไม่ได้ว่าอย่างไร ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นเหมือนพ่อของเรา ท่านก็ดูแลทุกคน เวลาบอกว่าในวังเห็นอย่างไร ก็ไม่รู้ว่าในวังไหน แล้ววังก็ไม่มีโฆษก สิ่งนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิด พูดกันปากต่อปากในโซเชียลมีเดีย เราไม่เหมือนในบางประเทศที่มีโฆษกวัง เพราะที่ผ่านมาโฆษกของพระองค์ท่าน คือผลงานของพระองค์ท่าน คนรักพระองค์ท่าน เพราะผลงานที่ท่านทำให้กับประชาชน"

            ขณะที่ในวันอังคารที่ 12 มีนาคม อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านรายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้เคยแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กอยู่บ่อยครั้ง และความคิดเห็นของอาจารย์สมศักดิ์ที่ออกอากาศไปนั้น ได้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์

            ประเด็นแรกที่ นายสมศักดิ์ พูดก็คือเรื่องนิรโทษกรรมในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งนายสมศักดิ์ มองว่า ควรจะมีการนิรโทษกรรมในคดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย หากไม่ต้องการให้ความขัดแย้งรุนแรง หรือขยายวงกว้างออกไป เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีคดีลักษณะนี้จำนวนมาก เพราะถูกตีกรอบให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมืองไปแล้ว ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีคนที่รักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องการนิรโทษกรรม แต่จริง ๆ แล้ว เราไม่รู้หรอกว่า มีคนรักที่รักสถาบันกษัตริย์เท่าไร ไม่รักเท่าไร เพราะไม่มีวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่าคนไทยคิดอย่างไร และเพราะเรายังมีกฎหมายฉบับนี้อยู่ หากใครแสดงอะไรที่ถูกหาว่าไม่รักก็โดนแล้ว

            "ตอนนี้คนส่วนใหญ่เลือกพรรคฝ่ายคุณทักษิณ ทั้ง ๆ ที่บอกว่าเขาไม่เอาเจ้า เราจะบอกอะไรได้ไหมว่าอะไร ผมว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราบอกอะไรไม่ได้" นายสมศักดิ์ กล่าว

            ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้เสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 แล้วใช้กฎหมายหมิ่นประมาททั่วไปแทน เพราะการที่ประมุขแห่งรัฐมีกฎหมายคุ้มครองพิเศษเป็นการขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตย ดังนั้น ประมุขของรัฐที่เป็นคนสาธารณะก็สมควรถูกวิจารณ์ได้ เพื่อปรับปรุง เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษมาคุ้มครอง ใช้เพียงกฎหมายหมิ่นธรรมดาก็เพียงพอ แต่ปัญหาก็คือสังคมไม่เปิดโอกาสให้มีการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเกิดขึ้น ดังนั้น กรณีเรื่องสถาบันกษัตริย์ ตนเห็นว่าควรจะแก้ปัญหาไปในทีเดียว คือยกเลิกมาตรา 112 และปฏิรูปให้มาคุยกันในทีเดียว แต่ถ้าเราไม่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ เวลามีใครมาเสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็จะโดนถล่ม

            เมื่อถามว่า เป้าหมายที่แท้จริงที่อาจารย์สมศักดิ์ออกมาวิจารณ์สถาบันกษัตริย์คืออะไร...นายสมศักดิ์ บอกว่า ในทางกฎหมายตนพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ตนแค่เสนอให้ปฏิรูปสถาบัน ส่วนอนาคตหลังปฏิรูปแล้วจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ ทั้งนี้ ในโลกสมัยใหม่เราจะสร้างความจงรักภักดีโดยการบังคับไม่ได้ มันฝืนธรรมชาติ สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษเขาก็เป็นแบบนี้ ตนคิดว่าการพูดกันอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้เราแก้ปัญหาได้ ดีกว่าการไปซุบซิบกัน จึงขอเรียกร้องจากผู้รับผิดชอบ 3 กลุ่ม คือ นักการเมือง นักวิชาการ และสื่อมวลชน ที่จะมีหน้าที่พูดเรื่องนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่ที่ผ่านมา 3 ฝ่ายในสังคมไทยกลับหลีกเลี่ยง ทำให้แทนที่เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ กลับยิ่งเพิ่มอันตรายของความขัดแย้งให้สูงขึ้นอีก

            อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งคำถามที่เป็นที่วิจารณ์อย่างยิ่งหลังจากจบรายการก็คือ เมื่อพิธีกรถามว่า "อาจารย์จะปฏิเสธการมีอยู่จริงของพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างไร" ทางนายสมศักดิ์ ได้ถามกลับมาว่า "จะพิสูจน์อย่างไรเรื่องพระบารมี" ทำให้พิธีกรตอบกลับไปว่า "อาจารย์วันนี้มาออกรายการ อาจารย์จะได้เห็นพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปในเฟซบุ๊กของอาจารย์..."

นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

            ต่อมาในวันพุธที่ 13 มีนาคม ทางรายการได้เชิญ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจราชสำนักประจำ มาตอบโจทย์ในประเด็นนี้เช่นกัน ซึ่ง พล.ต.อ.วสิษฐ ยืนยันว่า พระเจ้าอยู่หัวไม่เคยเข้ามาทรงวุ่นวายอะไรกับการเมืองไทย เว้นแต่เมื่อจำเป็นจริง ๆ เมื่อไม่มีทางเลือก แล้วคนอื่นไม่รู้จะเลือกทางไหน จึงต้องมารบกวนเบื้องพระยุคลบาท การที่คนกล่าวหาว่าพระองค์ไปสนับสนุนให้ปราบปรามคนโน้นคนนี้ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่ปรักปรำกล่าวหาท่านทั้งนั้น

            อย่างไรก็ตาม การที่ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บอกว่ามาตรา 112 ทำให้คนไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์สถาบันได้ เลยบ่งบอกความคิดของคนส่วนใหญ่ไม่ได้นั้น อดีตนายตำรวจราชสำนักประจำ บอกว่า ไม่เกี่ยวกัน ตนไม่เห็นว่ากฎหมายจะกระทบการพัฒนาประเทศตรงไหน ที่มันเป็นปัญหาเพราะมีคนจงใจหยิบขึ้นมาให้เป็นปัญหา จริง ๆ แล้ว พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์นั้นมีจำกัด ไม่ใช่ว่าเลิกมาตรา 112 เพื่อจะสามารถด่าพระเจ้าแผ่นดินได้สบาย ๆ จะด่าทำไม เพราะฐานะท่านถูกจำกัดอยู่แล้ว

            ส่วนที่บอกว่าประมุขของรัฐสมควรถูกวิจารณ์เหมือนกับสหราชอาณาจักรได้นั้น นายสมศักดิ์ไม่ควรนำตำราของฝรั่งมาใช้กับเมืองไทย ต้องดูว่าแต่ละประเทศนับถือประมุขอย่างไร ดูเมืองไทยต้องดูประวัติศาสตร์ ดูความรู้สึกของคนไทย ไม่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ ส่วนที่ถามว่า ทำไมปัจจุบันนี้สถาบันจึงถูกลบหลู่ ย่ำยี อย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็เป็นเพราะมีคนอยู่คนหนึ่ง หรือคณะหนึ่ง ตั้งใจที่จะทำเรื่องนี้ และไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมาก เพียงแค่คอมพิวเตอร์ตัวเดียว นั่งอยู่ตรงไหน แบกไปตรงส่วนไหนของโลกก็ได้ อย่างที่ทำกันอยู่ในขณะนี้ จะให้แปลว่าอะไร ถ้าไม่แปลว่ามีความตั้งใจที่จะทำ เพื่อจะล้มระบอบนี้

            อย่างไรก็ตาม หลายคนก็สงสัยว่า ถ้าคนนั้นมีอยู่จริง แล้วเขาจะทำเพื่อไปสู่เป้าหมายอะไร พล.ต.อ.วสิษฐ ตอบว่า ทำเพื่อให้ประเทศไทยไม่มีระบอบการปกครองแบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไปอีก เพราะอยากจะเห็นสาธารณรัฐเกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งดูจากพฤติกรรมแล้วตนเชื่อว่ามีจริง ใครจะได้ประโยชน์ก็ต้องคิดเอาเอง

            "คนที่ล้ม ก็จะต้องขึ้นมาเป็นผู้ปกครองประเทศคนใหม่ ในระบอบใหม่" พล.ต.อ.วสิษฐ ยืนยัน

            ทั้งนี้ หากจะรับมือกับกระบวนการในทั้งประเทศและต่างประเทศที่พยายามโจมตีสถาบันให้ได้นั้น พล.ต.อ.วสิษฐ เรียกร้องให้คนไทยประกาศให้คนต่างประเทศรู้ว่าหากมาทำแบบนี้เท่ากับว่าเป็นศัตรูของเรา แล้วถามกลับไปด้วยว่าไปฟังอะไรมาจากใคร เรื่องของสถาบันฯ นั้น ได้รับการทดสอบมาแล้วด้วยกาลเวลา ว่าเป็นระบอบที่ใช้ได้กับประเทศไทย ถ้าต้องการทดสอบด้วยการเอาใครมาเป็นประมุขของประเทศ ตนรับไม่ได้

นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล - ส.ศิวรักษ์


            ดีกรีความร้อนยิ่งทะลุปรอทมากขึ้นกว่านี้อีกแน่นอน เมื่อทางรายการเชิญ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ มาร่วมดีเบตในประเด็นดังกล่าวผ่านรายการ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม และวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมนี้ โดยเป็นที่รู้กันดีในแวดวงการเมืองอยู่แล้วว่า ทัศนคติเรื่องสถาบันของทั้งคู่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันนัก

            ทั้งนี้ ในคลิปตัวอย่างรายการ ส.ศิวรักษ์ ได้พูดประโยคหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า "นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่สถานีโทรทัศน์กล้าพูดในเรื่องนี้ ที่ผ่านมา ไม่มีสถานีโทรทัศน์ที่ไหนกล้าพูด ทุกคนแหยหมด ผมว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ได้มันจะต้องมีคนที่กล้าหาญทางจริยธรรม แล้วชี้ให้คนเห็นว่าการมีสถาบันดีกว่าไม่มี สถาบันมีเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรส่วนใหญ่ ไม่ใช่ประโยชน์สุขของคนที่อยู่ในสถาบัน"

            ติดตามการดีเบตของ ส.ศิวรักษ์ และ นายสมศักดิ์ ได้ในวันพฤหัสบดี ที่ 14 และวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เวลา 21.45-22.30 น. 

            อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า หลังจากรายการตอบโจทย์ได้นำเสนอประเด็นดังกล่าวตลอดสัปดาห์ ก็นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้ชมในชั่วข้ามคืนว่า ทางรายการต้องการตอบโจทย์อะไรให้กับสังคม เหตุใดจึงเล่นประเด็นนี้ ทำไปเพื่ออะไร เนื่องจากเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่หยิบเรื่องนี้มาพูด เช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ถูกชาวเน็ตวิจารณ์ตามกระทู้ต่าง ๆ อย่างเผ็ดร้อน อันเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็นอย่างสุดโต่งที่เป็นไปในอีกขั้วหนึ่งของสังคมไทย

 
           

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, สำนักข่าวอิศรา , สำนักข่าวอิศรา , เฟซบุ๊ก ตอบโจทย์ประเทศไทย


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นานาทรรศนะ...ดีเบตสถาบันกษัตริย์ จากรายการตอบโจทย์ โพสต์เมื่อ 14 มีนาคม 2556 เวลา 18:23:30 3,522 อ่าน
TOP
x close