เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ประธานบริษัทไม้ของจีนเสนอต่อสภาประชาชน ให้ประชาชนหันมาใช้ช้อนส้อมแทนตะเกียบไม้ เนื่องจากสถานการณ์ไม้ที่เลวร้ายในระดับโลก
เป็นเวลานานกว่า 4,000 ปี ที่ตะเกียบนั้นเป็นอุปกรณ์หลักในการรับประทานอาหารภายในประเทศจีน จนเป็นเหมือนหัวใจของการทานอาหารจีนไปแล้ว แต่ในวันนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อจีนได้คิดที่จะหันมาใช้ช้อนส้อมแทนตะเกียบ โดยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ มีรายงานว่า นายปอกวางซิน ประธานบริษัทไม้ของจีน ได้เสนอต่อสภาประชาชนแห่งชาติว่า ถึงเวลาแล้วที่จีนจะเลิกใช้ตะเกียบไม้ และหันมาใช้ช้อนส้อมในการรับประทานอาหารแทน เนื่องจากสถานการณ์ป่าไม้กำลังเข้าขั้นวิกฤติ
โดยนายปอกวางซิน ได้กล่าวต่อผู้แทนสภาว่า ในปีที่ผ่านมาจีนจำเป็นต้องใช้ไม้ถึง 20 ล้านต้น เพื่อนำมาทำตะเกียบไม้ ซึ่งจำนวนของตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งในจีน ในปีที่ผ่านมานั้น สามารถนำมาวางเรียงกันในจัตุรัสเทียนอันเหมิน ได้ถึง 360 ชั้นเลยทีเดียว
ดังนั้น เขาจึงเสนอว่า ชาวจีนควรจะเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้อุปกรณ์สำหรับการบริโภคอาหาร และส่งเสริมให้คนพกช้อนส้อมของตัวเองมาทานอาหารนอกบ้านด้วย และสำหรับอาหารเย็นนั้นอาจจะต้องหันมาใช้วิธีการใช้มีดและส้อมพลาสติกแบบตะวันตก เพื่อลดปริมาณการใช้ไม้ ซึ่งข้อเสนอนี้ ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสภา และอาจนำมาใช้เป็นนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้แสดงความกังวลต่อการใช้ตะเกียบในประเทศจีน โดยในปี ค.ศ. 2006 จีนได้เคยมีการกำหนดให้เรียกเก็บภาษี 5% สำหรับตะเกียบใช้แล้วทิ้ง แต่ก็ได้ผลในระยะสั้น ๆ เท่านั้น และต่อมา ในปี ค.ศ. 2011 กลุ่มรณรงค์ของอังกฤษก็ได้เตือนว่าจีนนำเข้าไม้ถึง 180 ล้านลูกบาศก์เมตร ในทุก ๆ ปี เพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ พร้อมกล่าวว่า ชะตากรรมของป่าไม้ตามธรรมชาติในโลกนั้นอยู่ในกำมือของประเทศจีนแล้ว
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่เชื่อว่า ผู้คนตามเมืองใหญ่ ๆ ของโลกนั้น มีการใช้ตะเกียบถึง 8 หมื่นล้านคู่ในแต่ละปี ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อป่าไม้ของโลกอย่างมาก
