ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Animal Equality
วันปลอดเนื้อสัตว์ งานรณรงค์ประจำปีของกลุ่มนักเรียกร้องสิทธิสัตว์ เชิญชวนบุคคลทั่วไปร่วมเป็นสมาชิก งดบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อลดความรุนแรงต่อสัตว์ เพื่อสุขภาพ และเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
จากแนวคิดเพื่อสุขภาพที่ดี ในการลดการบริโภคเนื้อสัตว์นั้น ได้ก่อให้เกิดกระแสรณรงค์ให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก เลิกบริโภคอาหารที่ทำจากเนื้อ และหันมารับประทานอาหารแบบมังสวิรัติ ภายใต้ความร่วมมือจากกลุ่มนักเรียกร้องสิทธิสัตว์และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรในหลาย ๆ ประเทศที่ต่างดำเนินงานรณรงค์ ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Meat Free Monday ที่เชิญชวนทุก ๆ ให้งดรับประทานเนื้อสัตว์ทุก ๆ วันจันทร์ หรือกลุ่ม No Meat March ที่จะจัดกิจกรรมในการงดบริโภคเนื้อสัตว์ในเดือนมีนาคม เป็นต้น โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนมากมายไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานด้านสุขภาพอย่าง สถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ สมาคมโรคหัวใจ และกลุ่มร้านอาหารในหลาย ๆ ประเทศ
และสำหรับ "วันปลอดเนื้อสัตว์" นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการรณรงค์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการจากทั่วทั้งโลกได้ร่วมกันสนุกสนานกับการทำสิ่งที่มีประโยชน์ งดใช้ความรุนแรงด้วยการหันมาบริโภคผลไม้ ผัก และธัญพืช แทนการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยมีการจัดตั้ง วันปลอดเนื้อสัตว์ ขึ้นในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ด้วยความร่วมมือระหว่าง ขบวนการเรียกร้องสิทธิสัตว์ในฟาร์ม (Farm Animal Rights Movement : FARM) และ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมีกำหนดจัดงานในช่วงวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งต่อมา วันปลอดเนื้อสัตว์ ก็ได้กลายเป็นโครงการรณรงค์ประจำปีที่สมาชิกและผู้สนับสนุนจากทั่วโลกจะมาร่วมฉลองกัน รวมถึงองค์กรรณรงค์ทานมังสวิรัติอื่น ๆ ด้วย
จุดประสงค์ในการจัดตั้ง วันปลอดเนื้อสัตว์
1. เพื่อประชาสัมพันธ์ในเรื่องของการบริโภคอาหารที่ทำจากพืชให้แก่บุคคลทั่วไป พร้อมเผยแพร่สูตรอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพด้วย
2. เพื่อเป็นการปกป้องสัตว์จากความรุนแรง และการถูกทารุณกรรมในกระบวนการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหาร
3. เพื่อเป็นการปกป้องโลกและสิ่งแวดล้อม จากภาวะโลกร้อนอันเป็นปัญหาหลักของมนุษยชาติในปัจจุบัน
4. เพื่อเพิ่มพูนสุขภาพอันดี เพราะการบริโภคอาหารมังสวิรัติ จะช่วยลดความเสียงในการเกิดโรคที่ร้ายแรงได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคหัวใจ โรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และ โรคเส้นเลือดอุดตัน
เป้าหมายที่จะได้รับจาก วันปลอดเนื้อสัตว์
1. ประโยชน์ในด้านสุขภาพ จากข้อมูลของศูนย์การควบคุมโรคและการป้องกันของสหรัฐอเมริกา พบว่า 11.8% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน ต้องประสบกับโรคหัวใจอันเป็นโรคที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเกือบ 600,000 คนในทุก ๆ ปี และยังมีชาวอเมริกันอีก 1 ใน 3 ที่ประสบกับโรคอ้วนและมะเร็งบางชนิด ซึ่งการทานอาหารมังสวิรัตินั้นไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังสามารถป้องกันโรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดระดับความดันโลหิต ลดน้ำหนัก ช่วยทำให้มีระบบขับถ่ายที่ดี ทั้งยังลดโอกาสในการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การเลี่ยงบริโภคเนื้อสัตว์นั้น ยังเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดแบคทีเรียดื้อยาในมนุษย์ อันมีผลสืบเนื่องมาจากการให้ยาปฏิชีวนะในอุตสาหกรรมฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แต่อย่างไรก็ตาม การทานอาหารมังสวิรัตินั้นจะส่งผลให้ร่างกายมีปริมาณแคลเซียม ไอโอดีน วิตามินบี 12 และวิตามินดีต่ำ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับอาหารเสริมตามความเหมาะสม
2. ประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อม โดยนักวิทยาศาสตร์และองค์กรหลายแห่งได้ยอมรับว่า การบริโภคอาหารแบบมังสวิรัตินั้น สามารถช่วยนำไปสู่การสิ้นสุดของปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างภาวะโลกร้อนได้ เนื่องจากในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์นั้นจะมีการผลิตก๊าซเรือนกระจกออกมามากกว่าปริมาณที่ผลิตจากรถยนต์เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มจำนวนวัวเพื่อตอบสนองความต้องการเนื้อและนม ก็จะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ และ ก๊าซมีเทนในปริมาณมหาศาล และในการเลี้ยงสัตว์นั้นยังจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่มากกว่าการปลูกพืชเพื่อการบริโภคมากถึง 10 - 20 เท่า โดยที่พื้นที่กว่าครึ่งจะถูกนำไปใช้สำหรับปลูกธัญพืชและถั่วเหลืองสำหรับเป็นอาหารสัตว์
3. ประโยชน์ในการปกป้องสัตว์จากการถูกทารุณกรรม จากข้อมูลระบุว่า แค่เพียงในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวก็มีสัตว์ในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่ต้องถูกนำมาฆ่าเพื่อการบริโภคถึง 1 หมื่นล้านตัวในแต่ละปี อีกทั้งมันยังเป็นการสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ที่แสนโหดเหี้ยมด้วย ดังจะเห็นจากสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในอุตสาหกรรมเหล่านี้
โดยเริ่มจาก ไก่ ที่ต้องเผชิญกับความทรมานอย่างที่สุด ซึ่งไก่เหล่านี้จะถูกจับยัดเข้าไปในกรงขนาดเล็กที่ทำให้พวกมันไม่สามารถขยับร่างกายได้ แม้แต่การกางปีก และนั่นทำให้พวกมันเกิดความเครียดสะสม จนไก่ส่วนมากจะตายด้วยโรคและความเครียดจากความแออัด ก่อนที่พวกมันจะถูกนำไปฆ่าเสียอีก
และ หมู ก็ต้องเจอกับความโหดร้ายไม่แพ้กัน โดยจากข้อมูลการสืบอย่างลับ ๆ ขององค์กรหนึ่งพบว่า แม่หมูในฟาร์มจะถูกทิ้งให้มีรอยแผลสดที่ยังมีเลือดไหลชุ่ม อีกทั้งเหล่าคนงานก็จะบังคับให้หมูเหล่านี้กินของเสียงและซากลูกหมูที่ตายไป นอกจากนี้ หมูตัวผู้ก็จะถูกนำไปตอนโดยที่ไม่มีการให้ยาแก้ปวดใด ๆ ด้วย
นอกจากนี้ การทำร้าย วัว ในอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์นั้น ก็มักจะก่อให้เกิดการร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง เพราะวัวเหล่านี้จะถูกเลี้ยงในที่แออัดจนแทบจะไม่มีที่ยืน อีกทั้งในยามที่คนงานบังคับให้มันเดินนั้น ก็จะมีการใช้ไฟฟ้าช็อต หรือไม่ก็ฉีดน้ำเข้าที่จมูกของวัวเหล่านั้น อีกทั้งยังมีการพรากลูกวัวออกมาจากแม่ของมันตั้งแต่แรกเกิด ขณะที่แม่วัวเมื่ออกลูกแล้วก็จะถูกนำไปขังยังกรงขนาดเล็ก ที่จะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้จนกว่ามันจะถูกนำไปเชือด
ขณะที่ ปลา ซึ่งเป็นสัตว์น้ำก็ถูกกระทำอย่างรุนแรงเช่นกัน และถูกล่าโดยเน้นปริมาณเพื่อการค้าเท่านั้น
ดังนั้น การหันมาบริโภคอาหารมังสวิรัติ ลดการบริโภคเนื้อ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงที่อุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์จะกระทำต่อสัตว์เหล่านี้
ด้วยความร่วมมือจากคนทั่วทั้งโลก เพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ จากคนหลาย ๆ คน ก็สามารถที่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่ยิ่งต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์ และสุขภาพได้ ดังนั้น เหล่านักเรียกร้องสิทธิสัตว์ จึงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมเพื่อให้คนได้ตระหนักถึงความรุนแรงในอุตสาหกรรมสัตว์และประโยชน์จากการทานมังสวิรัติ ดังจะเห็นได้จากที่กลุ่มรณรงค์หลายกลุ่มออกมาเชิญชวนให้บริโภคอาหารมังสวิรัติ ทั้งในด้านการแข่งขันทานอาหารมังสวิรัติ รวมถึงการเผยแพร่สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ
นอกจากนี้ อีกกิจกรรมหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากใน วันปลอดเนื้อสัตว์ ก็คือ กิจกรรมของกลุ่มนักเรียกร้องสิทธิสัตว์ ในประเทศสเปน ที่ได้ออกมาจัดงานรณรงค์บริเวณจัตุรัสมหาวิหาร ในเมืองบาร์เซโลนา ด้วยการนำกลุ่มนักเรียกร้องสิทธิสัตว์ ลงไปนอนอยู่ภายในถาดโฟมที่หุ้มพลาสติก ในลักษณะเดียวกับเนื้อที่ขายอยู่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต พร้อมทั้งนำเลือดปลอมมาเทและแต่งแต้มจนทำให้เห็นถึงภาพความรุนแรงในการฆ่าสิ่งมีชีวิตเพื่อนำเนื้อมาทำเป็นอาหาร นั่นเอง