เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน หรือ ICBC ครองแชมป์บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่สุดประจำปี 2012 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์
เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน หรือ ICBC สามารถโค่นแชมป์เก่าอย่าง บริษัท เอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil) ยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แห่งสหรัฐฯ ขึ้นครองแชมป์บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่สุดจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ได้เป็นครั้งแรก จากบรรดาบริษัทมหาชนทั้ง 2,000 แห่งที่ถูกนำมาจัดอันดับ ขณะที่อดีตแชมป์ อย่างเอ็กซอนโมบิล กลับต้องร่วงลงไปอยู่ในอันดับที่ 5 แม้ว่าจะยังคงครองแชมป์บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้วยปริมาณ 44.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) ก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ธนาคารการก่อสร้างจีน (CCB) ซึ่งเดิมอยู่ในอันดับที่ 11 ก็ได้แซงขึ้นมาคว้าตำแหน่งรองแชมป์แทน เจพีมอร์แกน เชส วาณิชธนกิจใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งฟอร์บส์ได้เผยว่า สำหรับการกระโดดขึ้นมาครอง 2 อันดับแรกในการจัดอันดับของ ICBC และ CCB นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตในด้านยอดขายและการทำกำไรในปี ค.ศ. 2012 แม้ว่าการเติบโตของผลกำไรประจำปีของธนาคารทั้งสอง จะมีอัตราการเติบโตช้าที่สุด นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทมหาชนก็ตาม
โดยในปี ค.ศ. 2012 ธนาคาร ICBC สามารถทำกำไรได้ 37.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) และมีสินทรัพย์มูลค่า 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 80.5 ล้านล้านบาท) ขณะที่ธนาคาร CCB ทำกำไรได้ 30.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.8 แสนล้านบาท) และมีสินทรัพย์รวม 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63.2 ล้านล้านบาท) แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่ได้คาดว่าจะเกิดวิกฤตของธนาคารในจีน แต่ปริมาณหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นและการหดตัวของผลกำไรเงินกู้นั้นก็ถือเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อธนาคารของจีน
ด้านบริษัท แอปเปิล (Apple) ผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของสหรัฐฯ นั้นครองอันดับที่ 15 ร่วมกับ วอล-มาร์ต (Wal-Mart) เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐฯ ขณะที่ทั้งบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกทั้ง 20 อันดับ ได้แก่
1. ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) ประเทศจีน 2. ธนาคารการก่อสร้างจีน (China Construction Bank) ประเทศจีน 3. เจพี มอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ประเทศสหรัฐอเมริกา 4. เจเนอรัล อิเล็กทริก (General Electric) ประเทศสหรัฐอเมริกา 5. เอ็กซอนโมบิล (Exxon Mobil) ประเทศสหรัฐอเมริกา 6. เอชเอสบีซี โฮลดิ้ง (HSBC Holdings) ประเทศอังกฤษ 7. รอยัล ดัชต์ เชลล์ (Royal Dutch Shell) ประเทศเนเธอร์แลนด์ 8. ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีน (Agricultural Bank of China) ประเทศจีน 9. เบอร์กแชร์ แฮททาเวย์ (Berkshire Hathaway) ประเทศสหรัฐอเมริกา 9. เปโตรไชน่า (PetroChina) ประเทศจีน 11. ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประเทศจีน 12. เวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo) ประเทศสหรัฐอเมริกา 13. เชฟรอน (Chevron) ประเทศสหรัฐอเมริกา 14. โฟล์กสวาเกน กรุ๊ป (Volkswagen Group) ประเทศเยอรมนี 15. แอปเปิล (Apple) ประเทศสหรัฐอเมริกา 15. วอล-มาร์ต สโตร์ (Wal-Mart Stores) ประเทศสหรัฐอเมริกา 17. แกซพรอม (Gazprom) ประเทศรัสเซีย 18. บีพี (BP) ประเทศอังกฤษ 19. ซิตี้ กรุ๊ป (Citigroup) ประเทศสหรัฐอเมริกา 20. เปโตรบลาส (Petrobras) ประเทศบราซิล 20. ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) ประเทศเกาหลีใต้นอกจากนี้ฟอร์บส์ยังได้ระบุว่า บริษัทมหาชนในเอเชียที่มีการเจริญเติบโตโดยรวมดีเยี่ยมที่สุดนั้นอยู่ใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทมหาชนของไทยที่ครองอันดับสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 144 ตามด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ ในอันดับที่ 477 และธนาคารกสิกรไทย ในอันดับที่ 524
