x close

5 โจ๋ คดีทำร้าย ต่อตระกูล ลูกชายชูวิทย์ ยันไม่ได้ปล้น แค่วิวาทธรรมดา

5 โจ๋ คดีทำร้าย ต่อตระกูล ลูกชายชูวิทย์ ยันไม่ได้ปล้น แค่วิวาทธรรมดา



          5 ผู้ต้องหาคดีชกต่อย-ปล้น ต่อตระกูล กมลวิศิษฏ์ ลูกชายชูวิทย์ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ยันไม่ได้ปล้นทรัพย์ เป็นแค่เรื่องวิวาทธรรมดา เผยต่อยไปแค่ครั้งเดียว 

          จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้พา นายต่อตระกูล กมลวิศิษฐ์ อายุ 17 ปี บุตรชาย เข้าแจ้งความกับตำรวจกรณีที่ นายต่อตระกูล บุตรชายถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดปล้นทรัพย์สินเป็นนาฬิกาทองเรือนหรูไป 1 เรือน ก่อนจะหลบหนีไปบริเวณซอยรัชดาภิเษก 3 เมื่อกลางดึกวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไดัรวบชาย 5 คน ที่ก่อเหตุได้ โดยยังมีอีก 1 คน ที่ยังคงหลบหนีอยู่ เบื้องต้นทั้งหมดสารภาพว่า รุมทำร้ายจริง แต่ปฏิเสธเรื่องการปล้นทรัพย์ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

          ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (24 เมษายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายกฤษฎา นัยสดับ, นายอดุลวิทย์ เอกมหาชัย, นายสุรศักดิ์ สัมฤทธิ์, นายณรงค์ฤทธิ์ สิงห์ศรีโว และ นายธนาชัย นัยสดับ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ ลูกชายนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านทาง พ.ต.อ.ยิ่งรัตน์ สอาดยิ่ง ผกก.อก. สำนักเลขานุการ ตร. เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี

          โดยนายกฤษฎา กล่าวว่า ที่เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม เนื่องจากพวกตนยืนยันว่า ไม่ได้ใช้อาวุธมีดปล้นนาฬิกาของนายต่อตระกูลแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายจริง แต่พวกตนไม่ได้ปล้นตามที่ถูกกล่าวหาจึงอยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมด้วย การแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์มันหนักเกินไป ตอนนี้พวกเราเดือดร้อนมาก ต้องไปกู้เงินมาประกันตัวคนละ 3 แสน ไปทำงานก็ต้องถูกตราหน้าว่าไปปล้นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำ

          นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า ตนและเพื่อนสมัครใจกันไปมอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ได้ขอความร่วมมือในการขอเข้าตรวจค้นบ้านพัก พวกตนก็ยินดีให้ค้นเพราะบริสุทธิ์ใจ ผลการตรวจค้นไม่ได้พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม คดีจึงน่าจะจบแล้ว นอกจากนี้ ภาพกล้องวงจรปิดในร้านสะดวกซื้อก็เห็นว่านายต่อตระกูลไม่ได้ใส่นาฬิกา แต่ตอนหลังเขาก็ออกมาแก้ว่าเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ให้การกลับไปกลับมา และที่น่าสงสัยคือทำไมปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลายวันถึงไปแจ้งความ
 
          ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ อีกหนึ่งผู้ต้องหา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนรวม 4 คน เดินทางกลับมาจากที่เที่ยวย่านรัชดาฯ ได้เดินข้ามฝั่งมารับประทานข้าวมันไก่ภายในซอยรัชดา ซอย 3 พบว่านายต่อตระกูลซึ่งไม่ได้ใส่เสื้อนั่งกินอยู่แล้วกับเพื่อนอีก 2 คน ระหว่างที่นั่งรับประทานก็คุยกันในกลุ่มตามภาษาคนเมา นายอดุลวิทย์พูดขึ้นมาว่า "ทำไมกูกินเหล้าแล้วไม่เมาวะ" ตนก็พูดกลับไปว่า "มึงจะเมาได้อย่างไร มึงเดินวนหาหญิงอย่างเดียว" จากนั้น นายต่อตระกูลซึ่งนั่งโต๊ะติดกันพูดขึ้นว่า "วน...อะไร" พวกตนก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร
      
          นายณรงฤทธิ์ กล่าวอีกว่า จนกระทั่งนายต่อตระกูลได้ออกไปจากร้าน และมาเจอกันที่เกิดเหตุ จึงตะโกนถามว่า "เมื่อกี้พูดอะไรออกมาไหม" นายต่อตระกูลก็บอกว่า "แล้วจะทำไม" หลังจากนั้นก็มีปากเสียงกัน โดยที่นายธนาชัย ซึ่งพบกันหลังจากที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อข้าวมันไก่ที่ปากซอยกับนายกฤษฎา ได้เข้าไปแยกคู่กรณี และจะง้างมือเพื่อไล่นายต่อตระกูลและพวก จากนั้นทางฝ่ายนายต่อตระกูลและเพื่อนได้วิ่งหนีไป ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุตนได้ต่อยโดนนายต่อตระกูลครั้งเดียวเท่านั้น และทางกลุ่มตนไม่มีมีด และไม่ได้ไปปล้นแต่อย่างใด เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันธรรมดาเท่านั้น


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก










เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 โจ๋ คดีทำร้าย ต่อตระกูล ลูกชายชูวิทย์ ยันไม่ได้ปล้น แค่วิวาทธรรมดา โพสต์เมื่อ 24 เมษายน 2556 เวลา 17:59:03 2,020 อ่าน
TOP