x close

เจาะข่าวเด่น ช่วยตามหา น้องหญิง เด็กหายจากงานกาชาด จ.เลย

เจาะข่าวเด่น ช่วยตามหา น้องหญิง เด็กหายจากงานกาชาด จ.เลย

เจาะข่าวเด่น ช่วยตามหา น้องหญิง เด็กหายจากงานกาชาด จ.เลย

เจาะข่าวเด่น ช่วยตามหา น้องหญิง เด็กหายจากงานกาชาด จ.เลย



          ตามหาเด็กหาย ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี หรือ น้องหญิง อายุ 4 ขวบ หายตัวไปจากงานกาชาด จ.เลย ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วอนประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสผ่านมูลนิธิกระจกเงา 

           หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา มูลนิธิกระจกเงาได้ออกประกาศตามหา ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี หรือ น้องหญิง อายุ 4 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากงานกาชาดประจำปีของ จ.เลย หรืองานกาชาดดอกฝ้าย เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 โดยระบุว่าน้องหญิงนั้นมีลักษณะ ผมหน้าม้า ยาวถึงต้นคอ สูง 115 ซม.หนัก 14 กก. ผิวคล้ำ มีแผลเป็นหลายจุดบริเวณขาแขน และทางครอบครัวของน้องหญิงรวมทั้งมูลนิธิกระจกเงาไปได้ร่วมกันออกตามหาน้องหญิงมาเป็นเวลานานเกือบ 3 เดือนแต่ก็ยังไม่พบนั้น

          ล่าสุดวานนี้ (3 พฤษภาคม) รายการเจาะข่าวเด่น ก็ได้เชิญ นางอุษาณ์ คงโสภาดี ซึ่งเป็นคุณแม่ของน้องหญิง พร้อมกับคุณตา และนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าโครงการศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา มาร่วมพูดคุยถึงความคืบหน้าล่าสุดในการตามหาตัวน้องหญิงที่หายตัวไปนานเกือบ 3 เดือน หลังจากที่ทางครอบครัวของน้องหญิงได้เข้าไปที่สน.ตำรวจแห่งชาติเพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา

          โดยคุณตาของน้องหญิงเล่าว่า ได้พาน้องหญิงไปเปิดร้านขายของในงานกาชาดดอกฝ้ายที่ จ.เลย แต่น้องหญิงก็หายตัวไปในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ช่วงเวลา 15.30 น. ตนกับยายของน้องหญิงจึงได้ออกตามหาหลานสาวภายในงาน แต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนจึงได้นำเรื่องไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทาง สน.เองก็เพียงแค่รับเรื่อง และลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น โดยไม่ได้มีการออกตามหาแต่อย่างใด จนมาถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตำรวจจึงเพิ่งจะเดินเรื่องตามหาน้องหญิง โดยอ้างว่าจำเป็นจะต้องรอให้คนหายครบ 24 ชม.ก่อนถึงจะเริ่มลงมือตามหาได้ 

          ทางด้านครอบครัวของน้องหญิง คือนางอุษาณ์ผู้เป็นแม่ และตากับยายก็ได้ออกตระเวนตามหาน้องหญิงทุกวัน ด้วยการนำรูปของน้องหญิงที่ถ่ายไว้ก่อนเกิดเหตุมาตามหาในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดงานประจำปี ตามตลาดนัด และที่ใดก็ตามซึ่งได้รับข้อมูลมาว่าน่าจะมีเด็กขอทานเยอะ ทั้งในอุดรธานี ขอนแก่น วังตะคุม เชียงคาน แต่ก็ไม่พบและไม่ได้เบาะแสใด ๆ จนกระทั่งบัดนี้

          ทั้งนี้ นางอุษาณ์และครอบครัว เชื่อว่าน้องหญิงน่าจะถูกคนขโมยไปเป็นเด็กขอทาน เพราะว่าน้องหญิงเป็นเด็กขี้อ้อน ช่างประจบ น่ารัก คุยเก่ง และเข้ากับคนได้ง่าย จึงได้พยายามออกตามหาน้องหญิงในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งมีเด็กขอทานอยู่เยอะ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ครอบครัวกลัวก็คือ เด็กจะถูกทำร้ายและนำไปตัดแขนขาทิ้งเพื่อให้ออกไปขอทานหรือไม่ ซึ่งก็อยากให้คนที่พาตัวน้องไปคิดสักนิดว่า หากเป็นลูกหลานของคุณถูกนำไปทำร้ายเช่นนี้ตัวเองจะรู้สึกเช่นไรบ้าง

          ด้านนายเอกลักษณ์ ก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางมูลนิธิกระจกเงานั้นเชื่อว่าการหายตัวของน้องหญิงนั้นน่าจะเป็นการลักพาตัว เพราะไม่มีเบาะแสที่อยู่ใด ๆ ของน้อง และหากเป็นกรณีพลัดหลงไปก็น่าจะตามพบแล้ว อีกทั้งเด็กวัย 4 ขวบนั้นก็ยังเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมากที่สุด เพราะเป็นวัยที่เด็กไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือดิ้นรนขัดขืนคนร้ายได้ และเด็กยังเล็กเกินกว่าจะจดจำข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตัวเอง ชื่อของพ่อแม่ รวมทั้งยังไม่สามารถระบุที่อยู่ของตัวเองได้ด้วย ซึ่งจากสิ่งต่าง ๆ ทำให้การลักพาตัวเด็กนั้นถือเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงอย่างมาก 

          โดยผู้ที่ลักพาตัวนั้น มักจะใช้วิธีการทางจิตวิทยากับเด็ก โดยอาจจะข่มขู่เด็กหรือล่อลวงด้วยขนม ของเล่น ทำให้เด็กเดินตามบุคคลเหล่านี้ไป โดยที่คนภายนอกจะนึกว่าคนร้ายเป็นคนในครอบครัวของเด็ก ซึ่งจากการสืบค้นประวัติคนร้ายจากกรณีที่เคยจับกุมคนร้ายได้พบว่า คนร้ายเหล่านี้มักจะมีอาการทางจิต แต่เมื่อถูกจับกุมได้ ก็ไม่ได้รับการบำบัด เมื่อออกมาจากคุกก็จะกลับไปลักพาตัวเด็กซ้ำอีก 

          สำหรับการตามหาตัวน้องหญิงและเด็กที่หายตัวไปทุกคนนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่จะช่วยกันสังเกต และให้เบาะแสกับทางครอบครัวหรือมูลนิธิ เพราะคนส่วนมากมักจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับกับกลุ่มเด็กขอทาน ซึ่งจริง ๆ แล้วล้วนเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เนื่องจากคงไม่มีครอบครัวใดที่จะปล่อยลูกออกมาทำอาชีพขอทานเช่นนั้น อีกทั้งเด็กส่วนมากที่ถูกพาตัวไป มักจะถูกเปลี่ยนชื่อทำให้เด็กจำชื่อตัวเองไม่ได้ หากมีคนไปถามชื่อก็จะปฏิเสธ พลเมืองดีต้องมีการซักไซ้ถามเด็ก เด็กจึงจะเริ่มจดจำข้อมูลในอดีตได้ 

          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาครอบครัวของน้องหญิงได้ใช้วิธีการแบบเหวี่ยงแหด้วยการออกเดินทางไปตามหาทุกที่ ซึ่งมันเป็นการตามหาที่มีขอบเขตกว้างเกินไป จึงอยากวอนให้ประชาชน พลเมืองดี ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแสมายังมูลนิธิกระจกเงา และนายเอกลักษณ์ยังแนะนำว่า หากพบเห็นเด็กถูกพามากับคนเร่ร่อนนั้น สมควรที่จะแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดให้เข้าตรวจสอบโดยทันที และแจ้งกับมูลนิธิกระจกเงา เพราะการที่เด็กถูกคนเร่ร่อนพามาด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างแน่นอน  

          นอกจากนี้ นายเอกลักษณ์ยังได้ฝากถึงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยใช้ดุลยพินิจเป็นพิเศษสำหรับคดีเด็กหายด้วย เพราะแม้ว่าตามข้อปฏิบัติในกรณีคนหาย ตำรวจจะต้องรอในคนหายครบ 24 ชม.จึงจะเดินเรื่องได้ แต่สำหรับคดีเด็กหายนั้นเป็นเรื่องรุนแรงที่สมควรจะได้รับการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งสมควรจะมีการประสานงานปิดกั้นพื้นที่เพื่อสกัดตัวคนร้ายโดยเร็ว เนื่องจากเวลา 24 ชม.นั้นเป็นเวลาที่นานจนเกินไปและคนร้ายก็สามารถพาตัวเด็กอกไปได้ไกลแล้ว 

          ทั้งนี้ ครอบครัวของน้องหญิงยังพยายามออกตามหาน้องหญิงทุกวัน และคุณตาของน้องหญิงก็ตั้งใจว่า ตราบใดที่ยังหาหลานสาวไม่พบ ก็จะออกตามหาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายจากไป ไม่มีคำว่าท้อในการตามหา เพราะยังมีหวังอยู่เสมอว่าสักวันจะได้เจออีกครั้ง และเป็นห่วงหลาน คิดถึงหลานมาก โดยครอบครัวยังตั้งใจว่าวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ จะลองไปตามหาน้องที่แถวหาดจอมเทียน เพราะมีข้อมูลว่าชายหาดแถบพัทยา ชลบุรี บางแสนนั้นมักจะมีเด็กขอทานอยู่เยอะ

          และสำหรับผู้ที่พบเห็น น้องหญิง หรือมีเบาะแสข้อมูลใด ๆ สามารถร่วมแจ้งข้อมูลได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา โทร 0 2973 2236-7 ต่อ 106 หรือโทร 080-7752673 หรือแจ้งข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา www.facebook.com/thaimissing







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจาะข่าวเด่น ช่วยตามหา น้องหญิง เด็กหายจากงานกาชาด จ.เลย อัปเดตล่าสุด 20 ธันวาคม 2556 เวลา 17:21:53 18,803 อ่าน
TOP