เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก flickriver.com
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า สหรัฐฯ ชี้ เปลวไฟนิรันดร์ที่ลุกโชนอยู่ภายในถ้ำใต้น้ำตกอีเทอร์นอลเฟรม ในนิวยอร์ก ไม่ได้เกิดจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตขึ้นจากชั้นหินใต้น้ำตก
เป็นเวลาเนิ่นนานหลายทศวรรษ ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้มีข้อสันนิษฐานว่า เปลวไฟชั่วนิรันดร์ (Eternal Flame) ที่ลุกโชนอยู่ภายในถ้ำใต้น้ำตกอีเทอร์นอลเฟรม ในอุทยานเชสนัท ริดจ์ เคาน์ตี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงนิวยอร์ก สหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นจากชั้นหินร้อนระอุที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เว็บไซต์เดลี่เมล ของอังกฤษ รายงานว่า เหล่านักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า กลับมีข้อค้นพบใหม่ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ข้อสันนิษฐานดังกล่าวไม่เป็นความจริง เมื่อชั้นหินใต้อุทยานเชสนัท ริดจ์ เคาน์ตี ไม่ได้เก่าแก่และมีความร้อนเพียงพอที่จะก่อให้เกิดกระบวนการผลิตก๊าซได้
ที่ผ่านมา ทั่วทั้งโลกมีเปลวไฟนิรันดร์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่หลายร้อยแห่ง ซึ่งแต่ละที่ก็ถูกสันนิษฐานว่า เชื้อเพลิงที่ทำให้เปลวไฟเหล่านั้นยังคงลุกไหม้อยู่ได้ คือก๊าซธรรมชาติที่ผลิตขึ้นจากชั้นหินโบราณใต้พื้นดินที่มีความร้อนสูงมาก แต่เหล่านักวิจัยกลับค้นพบว่าชั้นหินใต้อุทยานเชสนัท ริดจ์ เคาน์ตี กลับมีความร้อนเทียบเท่ากับจุดเดือดของน้ำเท่านั้น ซึ่งไม่สูงพอที่จะก่อให้เกิดกระบวนการผลิตก๊าซ ทำให้พวกเขาคาดว่าน่าจะมีกระบวนการอื่น ๆ ตามธรรมชาติที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติขึ้นได้ แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาจะยังไม่สามารถระบุกระบวนการเหล่านั้นได้ก็ตาม
