เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คดีเอกยุทธ อัญชันบุตร หมอพรทิพย์ ติงตำรวจเก็บหลักฐานศพน้อย รวบรัดปิดคดี ชี้ยังมีเงื่อนงำอื่น ๆ แนะควรให้ทำหน้าที่ให้โปร่งใส เผยญาติผู้ตายวอนให้เข้าไปช่วยเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถช่วยได้ เพราะถูกย้ายเป็นผู้ตรวจราชการแล้ว ด้าน เฉลิม เล็งเชิญร่วมให้ข้อมูล
จากคดีอุ้มฆ่า "นายเอกยุทธ อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้นั้น
วานนี้ (13 มิถุนายน 2556) พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี "นายเอกยุทธ อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ว่า คดีของนายเอกยุทธไม่ได้แตกต่างจากคดีของ "นายสมชาย นีละไพจิตร" อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำในปี 2547 ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวต่อว่า คดีของนายสมชาย นีละไพจิตร ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นประเด็นอะไร แต่ที่แน่ ๆ ผู้ตายไม่ใช่คนธรรมดาที่ไม่เคยมีเรื่องกับอำนาจรัฐ ส่วนคดีของนายเอกยุทธนั้น ที่ผ่านมาเขาได้สู้กับอำนาจรัฐอย่างเปิดเผย และเมื่อมีการตายเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐและการเมืองต้องระวังที่จะเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้
สำหรับคดีนี้ โดยปกติแล้วผู้ตรวจเก็บพยานหลักฐาน ผู้ตรวจพิสูจน์ และผู้ทำสำนวน จะต้องไม่เป็นคนในหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าวนั้น เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ถืออำนาจรัฐทั้งหมด อาจจะทำให้ประชาชนครหาได้ว่า "รัฐไทย" กลายเป็น "รัฐตำรวจ" ไปแล้ว
เมื่อถามถึงสภาพศพของนายเอกยุทธ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า จากที่เห็นมันทำอะไรได้มากกว่านั้นเยอะ ซึ่งต่อจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตอบคำถามพิสูจน์ความโปร่งใสกับประชาชนให้ได้ทั้งหมด เพราะคดีนี้ถือว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรสืบจากโทรทัศน์ จับผู้ต้องหามาแถลงข่าว พอมีผู้ต้องสงสัยเพิ่มก็กลับไปเก็บหลักฐานมาเพิ่ม การกระทำเช่นนี้มันทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ส่วนประเด็นเรื่องหลักฐาน และข้อมูลอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่เห็นได้ชัดจากภาพกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่นำออกมาแสดง
อย่างไรก็ตาม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทางญาติของผู้ตายจะติดต่อมาให้ตนทำคดีนี้ แต่ตนไม่สามารถทำได้เพราะเพิ่งถูกย้ายให้มาช่วยราชการ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม แต่ทั้งนี้ถ้ามีผู้บังคับบัญชาสั่งการมาก็สามารถทำได้เช่นกัน
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนว่า ตนได้คุยกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. แล้วว่าจะให้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ เชิญทั้ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์, นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายของนายเอกยุทธ รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรณ์ จาติกวณิช มาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน หลังจากทั้ง 4 คน ออกมาพูดทำนองเดียวกันว่าคดีของนายเอกยุทธยังมีปัญหา
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุด้วยว่า การเชิญทั้ง 4 คนเข้ามาให้ข้อมูล ก็จะถือเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่จะให้ทางพนักงานสอบสวนบันทึกถ้อยคำการเข้าให้ข้อมูลของบุคคลทั้ง 4 คน และจะอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการเข้าให้ข้อมูลได้ เมื่อทุกคนออกมาพูดตรงกันว่าคดีนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จะมาพูดลอย ๆ ไม่ได้ พนักงานสอบสวนก็ต้องรับฟัง แต่ตนกลัวว่าทั้ง 4 คน จะไม่มาพบมากกว่าโดยอ้างว่าติดงาน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคดีนี้เดินมาถูกทางและสมบูรณ์แล้ว เพราะพบทั้งตัวผู้ก่อเหตุ เงินของกลาง พยานวัตถุ พยานแวดล้อม
ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.วังทองหลาง ได้ทำหนังสือเชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ และนายสุวัตร เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว แต่เมื่อไปสอบถาม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กลับระบุว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญดังกล่าว โดยทราบจากทางสื่อเท่านั้น และหนังสือดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุว่าเชิญตนไปในฐานะอะไร เพราะขณะนี้ถูกย้ายออกมาจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาอยู่ในตำแหน่งผู้ตรวจการกระทรวงยุติธรรมแล้ว จึงไม่สามารถทำอะไรได้ หากต้องการให้ร่วมตรวจพิสูจน์หลักฐาน ก็น่าจะทำหนังสือเชิญไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มากกว่า
อย่างไรก็ตาม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ บอกด้วยว่า หากหนังสือเชิญดังกล่าวระบุว่าเป็นการขอร้องส่วนตัว ก็คงมาไม่ได้เช่นกัน เพราะว่าทางตำรวจทำเรื่องขอมาเป็นหนังสือราชการ ก็ต้องให้สังกัดที่รับผิดชอบประสานกัน ส่วนตนนั้นไม่มีหน้าที่แล้ว ไม่มีทีมงาน ไม่มีเครื่องมือ จึงทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ หากญาตินายเอกยุทธ จะขอร้องให้ช่วยดำเนินการนั้น คงต้องขอดูความเหมาะสมก่อน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก