คนค้นฅน ประเสริฐ สิงห์ลอ สาวประเภทสองยอดกตัญญู


ประเสริฐ สิงห์ลอ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ hippopo2522 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          ถึงแม้ว่าคนเราจะไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าความด้อยโอกาสจะทำให้ชีวิตไร้ค่าเสมอไป ประเสริฐ สิงห์ลอ หรือ มืด คือชายหนุ่มวัย 39 ปี ที่มีใจรักความเป็นหญิง แม้หน้าตาจะคมเข้ม แต่รูปร่างของเขากลับมีทรวดทรงองค์เอว และท่าทางการเดินที่ไม่ต่างจากหญิงสาว เขาใช้ลีลาท่าทางในการเดินอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดขายที่ทำให้เขาสามารถหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่ และเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ แม้ใครจะมองว่าหน้าตาของเขาไม่ได้สวยงามเหมือนสาวประเภทสองคนอื่น ๆ

          รายการคนค้นฅน (15 มิถุนายน 2556) จึงขอพาไปทำความรู้จักกับชีวิตอีกมุมของ มืด สาวประเภทสองที่จิตใจสว่างต่างจากชื่อเล่น เธอเป็นคนเดียวที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีพ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถทำงานได้ ส่วนแม่ก็ต้องเลิกทำงานเพื่อมาดูแลพ่อ มืดเองจากที่เคยใช้ชีวิตเล่นลิเกอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อถึงวันที่พ่อล้มป่วย เขาก็ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านทันที และละทิ้งความฝันของตัวเองไว้ให้เหลือเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น

ประเสริฐ สิงห์ลอ

          ใน อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ภาพสาวประเภทสองเดินหาบข้าวเกรียบขายอยู่ในตลาดสวรรคโลก ด้วยลีลาการขายที่อรชรอ้อนแอ้น เดินบิดเอวไปมาราวกับเดินแบบอยู่บนรันเวย์ เสียงแหบพร่าตามวัยร้องเรียกลูกค้าด้วยวาจาหวาน ๆ "ข้าวเกรียบมั้ยจ๊ะ" "ช่วยหนูซื้อข้าวเกรียบหน่อยนะ" และยกมือไหว้ขอบคุณลูกค้าทุกครั้งที่มีคนอุดหนุน คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนในย่านนี้จดจำเธอได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มืดเป็นคนขยัน ตั้งใจทำมาหากิน ยิ้มเก่ง ขายได้หรือไม่ได้ก็มักจะยิ้มอยู่เสมอ

          มืด ต้องทำงานหาเลี้ยงพ่อแม่และน้อง เนื่องจากพ่อซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานกวาดขยะในตลาดสวรรคโลก ต้องล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ก็ต้องเลิกทำงานเพื่อมาดูแลพ่อ มืดจึงต้องทิ้งความฝันและเดินทางจากกรุงเทพฯ กลับมาทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัว เนื่องจากเธอเป็นลูกชายคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 6 คน

ประเสริฐ สิงห์ลอ

          นายจำเนียง สิงห์ลอ บิดาของมืด เล่าว่า ตอนแรกลูกชายเล่นลิเกอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่พอตนเองป่วย จึงเรียกให้เขากลับมาเพราะพ่อไม่สามารถทำงานหาเงินได้อีกแล้ว และมืดก็ตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านทันที เพื่อทำมาหาเลี้ยงครอบครัวแทนพ่อ

          "ไม่มีพ่อแม่หนูก็คงไม่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเราเกิดมา ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อแม่ของเรา ถึงจะเหนื่อยยังไงหนูก็ไม่ยอมท้อถอย หนูคิดว่าสักวันหนึ่งถ้าเกิดหนูไปก่อนเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่กันยังไง" มืดกล่าวจากใจของคนมีห่วง

          บ้านเลขที่ 2/20 คือบ้านไม้สองชั้นของครอบครัว ที่อาศัยอยู่มานานกว่า 5 ปี โดยมืดจะใช้พื้นที่บริเวณระเบียงบ้าน เป็นห้องนอนที่ใช้สำหรับพักผ่อน แต่งตัว โดยมีเพียงที่นอน หมอน ผ้าห่ม และมุ้ง ซึ่งมีคนบริจาคให้มา กับพัดลมเล็ก ๆ อีก 1 ตัว พร้อมทั้งผ้ายางกันฝนสาดเท่านั้น ซึ่งดู ๆ แล้วก็ไม่น่าจะช่วยได้มากเท่าไหร่นักในวันฝนตกหนัก นอกจากนี้ยังมีกองเสื้อผ้าที่มีคนบริจาคมาให้ วางอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยมืดบอกว่า ลำพังตัวเธอเองมีเสื้อผ้าอยู่เพียง 2 ชุดเท่านั้น นอกนั้นเสื้อผ้าที่ใส่เป็นของบริจาคมาทั้งหมด

ประเสริฐ สิงห์ลอ

          ในทุก ๆ วันมืดต้องตื่นประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อมาอาบน้ำ แต่งตัว และทาแป้ง ตามประสาคนรักสวยรักงาม ก่อนที่จะลงมาแพ็กข้าวเกรียบที่แม่ของเขานั่งทำเองกับมือ เพื่อใส่ถุงและเตรียมนำออกไปเร่ขายในตลาด ซึ่งเขาบอกว่า วันหนึ่งเคยขายได้ประมาณ 40 ห่อ ซึ่งต้องออกขายวันละ 2 รอบ ในช่วงเช้ากับช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันแดดจะร้อนมาก ทำให้ไม่มีลูกค้า เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เวลาประมาณ 9 โมงเช้า มืดจะเริ่มหาบข้าวเกรียบและออกเดินขายทั่วทั้ง อ.สวรรคโลก ไม่ว่าจะเป็นในตลาดหรือตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ

          โดยจุดเด่นของแม่ค้าสาวคนนี้ คือท่าเดินอ้อนแอ้น บิดเอว ส่ายสะโพก ซึ่งเป็นท่าเดินประจำตัวที่มีเอกลักษณ์ มืดบอกว่าเธอเคยเดินแบบตัวตรงปกติเหมือนคนทั่วไป แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเองเลย อีกทั้งท่าทางการเดินแบบนี้ก็ทำให้ขายดีด้วย เพราะลูกค้าชอบ

          จุดเริ่มต้นของการมาขายข้าวเกรียบ มืดบอกว่า มีป้าคนหนึ่งหวังดีกับเธอ จึงสอนสูตรทำข้าวเกรียบให้เธอได้เรียนรู้ เธอจึงนำวิชาเหล่านั้นมาทำข้าวเกรียบขายเลี้ยงชีพและครอบครัวมาจนทุกวันนี้

          หากถามว่าวันหนึ่ง มืดเดินเป็นระยะทางไกลขนาดไหน เธอบอกว่าก็เดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะขายหมด ซึ่งน่าจะประมาณ 10-20 กิโลเมตร ถ้าหากหิวน้ำก็จะขอเขาดื่มบ้าง หากเจอร้านค้าไหนใจดี ก็จะนำน้ำมาให้ดื่ม แต่เธอไม่เคยนำเงินที่ขายของได้มาซื้ออะไรเลย เพราะเธอเสียดายกว่าจะหามาได้แต่ละบาท จึงให้เงินที่ขายได้กับแม่ไว้ใช้จ่ายทั้งหมด หากอยากกินอะไรก็จะขอเงินแม่ครั้งละ 5-10 บาท เท่านั้น

          ถึงแม้จะเป็นสาวประเภทสองที่รักสวยรักงาม แต่เพราะไม่ค่อยมีเงินซื้อเครื่องสำอาง เธอจึงไม่ค่อยได้แต่งหน้ามากนัก มีเพียงแต่งเติมแป้งนิด ๆ หน่อย ๆ ตามมีตามเกิด เพราะเธอเสียดายเงิน จึงไม่ค่อยมีเครื่องสำอางเหมือนสาวประเภทสองคนอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้คนมองว่าเธอดูไม่สวยงามน่ามอง แต่ก็ไม่เป็นไร

ประเสริฐ สิงห์ลอ

          เมื่อขายข้าวเกรียบหมดในแต่ละวัน มืดจะเดินกลับบ้านเพื่อมาช่วยแม่ทำข้าวเกรียบขายในช่วงเย็น และนำเงินที่ขายได้ทั้งหมดให้แม่ของเธอเก็บเอาไว้ ซึ่งหากหักต้นทุนแล้ว จะเหลือกำไรเพียงแค่วันละ 100 กว่าบาทเท่านั้น โดยในครอบครัวมีรายจ่ายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 600 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟ อีกเดือนละ 1,000 กว่าบาท นอกจากจะช่วยทำข้าวเกรียบแล้ว มืดยังแบ่งเวลาในช่วงที่เหลือ เก็บกวาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน เพื่อแบ่งเบาภาระแทนแม่ที่อายุมากแล้ว เพราะมืดบอกว่าตนเองเป็นห่วง อยากให้พ่อแม่สบาย เพราะเขาเหนื่อยมามากแล้ว

          พ่อของมืด เล่าว่า เด็ก ๆ มืดจะชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง พ่อก็จะเอาเสื้อผ้าผู้ชายมาเปลี่ยนให้ แต่เขาก็ไม่ยอม ซึ่งพ่อยอมรับว่าไม่ชอบที่มีลูกเป็นกะเทย เพราะอายเขา เคยขอลูกว่าอย่าเป็นเลยพ่ออายเขา ลูกไว้ผมยาวตนเองก็แกล้งไปตัดบ้างอะไรบ้าง เพราะรับไม่ได้ หวังว่าลูกจะเลิกเป็น

          "หนูก็คิดว่าถ้าเราทำความดี พ่อกับแม่คงจะเห็นใจเรา หนูก็ทำความดีมาตลอด ช่วยเหลือเขา หาเงินหาทองให้เขา แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี ให้พ่อแม่รับได้ที่หนูเป็นกะเทย แม้ว่าหนูจะทำงานกลับดึก ๆ เพื่อหาเงินมาให้พ่อ แต่เวลาส่งเงินให้พ่อ พ่อก็ไม่ยอมพูดด้วย มีแต่แม่ที่รับได้และคอยปลอบใจ หนูก็บอกพ่อว่าไม่เป็นไร ถึงพ่อจะเกลียดหนู หนูก็ต้องสู้ เพราะหนูเป็นลูกพ่อ ยังไงหนูก็ไปอยู่กับใครไม่ได้หรอก ขอกลับมาอยู่นี่แหละ" มืดเล่าความรู้สึกของเธอทั้งน้ำตา

ประเสริฐ สิงห์ลอ

          ช่วงเวลาเย็นของทุกวันหลังจากขายข้าวเกรียบเสร็จ มืดจะขี่จักรยานซาเล้งคันย่อม ๆ เพื่อออกไปเก็บขยะขาย โดยเธอจะเน้นเก็บขวดต่าง ๆ ทั้งขวดพลาสติก และขวดแก้ว อย่างไม่เคยคิดหยุดพัก เพราะเธอบอกว่าต้องใช้เงินซื้อกับข้าวเพื่อให้พ่อแม่ได้กินอิ่มนอนหลับ ถ้าเธอหยุดพักก็จะมีเงินไม่พอใช้จ่าย ซึ่งการได้ออกมาทำงานเก็บของเก่าเธอมองเป็นเรื่องสนุกและไม่เคยเบื่อ เพราะอยู่บ้านก็เหงาเปล่า ๆ ถึงแม้ว่าในแต่ละคืนเธอจะเก็บขยะได้แค่ประมาณ 40 บาทเท่านั้น

          เมื่อก่อนมืดต้องทนกับการดูถูกของคนอื่น เพราะเขาหาว่าเธอสกปรก ไม่อยากคบ เธอก็ได้แต่ช่าง และคิดว่าถ้าเขาไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร จนสุดท้ายหลายคนก็ช่วยซื้อของจากเธอด้วยความสงสารและเห็นใจ

          "ทำงานอะไรหนูก็ทนได้ ขอให้มีเงินมีทองก็พอแล้ว ก็ให้มีข้าวมีกับข้าวกินวัน ๆ ก็พอแล้ว บางครั้งให้พ่อกับแม่กินก่อนแล้วหนูกินทีหลัง ก็ยอมได้" มืดเอ่ยปาก

          เคยมีบางครั้งที่มืดหาเงินได้ไม่พอ เธอได้แต่นั่งร้องไห้ไม่รู้จะทำยังไง ต้องให้พ่อแม่กินน้ำรองท้องไปก่อน "บอกตรง ๆ ว่าบางทีเจอขนมเก่า ๆ ในถังขยะ ยังเคยเอามานั่งกินเลย มัวอายหนูก็อดตาย" มืดเล่าย้อนไปถึงวันที่เธอหิวจับใจ

          เมื่อถามถึงความฝันของสาวประเภทสองคนนี้ มืดบอกว่าเธอใฝ่ฝันอยากเล่นลิเกมาก เพราะชอบ อยากแต่งตัว และใส่มงกุฎ ทุกครั้งที่ได้มาขายของในงานลิเกก็จะตื่นเต้นทุกครั้ง อยากมีวาสนาจะได้แต่งตัวสวย ๆ แบบนี้บ้าง เพราะชาตินี้เธอคงไม่มีวาสนาแล้ว

          ในทุก ๆ วันพระ มืดจะไปซื้อปลามาปล่อยและขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้พ่อแม่อยู่เย็นเป็นสุข และขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเป็นผู้หญิงสวยอย่างที่เธอใฝ่ฝันเพราะรู้ดีว่าคงไม่มีวันเป็นจริงแล้วในชาตินี้ และนี่คือเรื่องราวของสาวประเภทสองที่อดทนสู้ชีวิต และทิ้งความฝันส่วนตัวเพื่อดูแลพ่อแม่ที่เธอรัก มืด ประเสริฐ สิงห์ลอ หัวใจของเธอไม่ได้มืดเหมือนกับชื่อเลยสักนิด



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คนค้นฅน ประเสริฐ สิงห์ลอ สาวประเภทสองยอดกตัญญู โพสต์เมื่อ 17 มิถุนายน 2556 เวลา 15:21:29 4,207 อ่าน
TOP
x close