x close

ประวัติ หลวงปู่เณรคํา ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม




ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม
ภาพจาก luangpunenkham.com

ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม
ภาพจาก luangpunenkham.com


          ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระผู้นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว อวดของแบรนด์เนม นำมาซึ่งการถูกจับสึกปมเสพเมถุน พร้อมโดนคดีฉ้อโกงหลอกลวงผู้ศรัทธา ก่อนรับกรรมจำคุกหนัก 114 ปี

          หลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าว หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว สวมแว่นตาดำราคาแพง ใช้ไอโฟน และถือกระเป๋าแบรนด์เนม แถมพระเณรที่ร่วมเดินทางไปด้วยนั้น ก็ล้วนแต่มีของใช้ราคาแพง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายในสังคมว่าการกระทำเช่นนี้ ถือว่าผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ และที่สำคัญ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก คือใครกันแน่

          และเพื่อให้ทุกคนได้คลายข้อสงสัย วันนี้ กระปุกดอทคอม ขอนำประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระชื่อดังแห่งวัดป่าขันติธรรม มาฝากกัน โดย หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เริ่มปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม นอนในป่าช้า มาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ และเมื่ออายุครบ 15 ปี หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้เดินทางจาริกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดป่าดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี โดยได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนา ว่า "ฉัตติโก"  หลังจากนั้นก็ได้เดินทางมายัง วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ

ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม
ภาพจาก luangpunenkham.com

ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

          หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก มีนามเดิมว่า "วิรพล สุขผล" เกิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 ทั้งนี้  หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้ง 5 คน ของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล เมื่อ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า "ฉัตติโก" หรือ "พระอาจารย์ วิรพล ฉัตติโก"

          สำหรับเส้นทางในการเข้าสู่ทางธรรมนั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้เริ่มปฏิบัติตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ครั้งที่ยังอายุ 6 ขวบ ด้วยการปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐานมาโดยตลอด และเมื่อถึงช่วงวันพระ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จะหยุดเรียน และนุ่งขาวห่มขาวเข้าไปถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ รวมทั้งยังเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร นอกจากนี้ ในช่วงกลางวัน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จะไปนอนในป่าช้า เพื่อฝึกจิตให้ตั้งมั่น ซึ่งผลจากการปฏิบัติธรรมตั้งแต่เยาว์วัย เป็นเหมือนการบอกถึงความจริงในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละคนว่า "แม้เราบำเพ็ญในชาตินี้หรือว่าชาติไหน ๆ ผลของการปฏิบัติบำเพ็ญนั้นมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมไปไหน"

          และในขณะที่ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็คิดอยู่เสมอว่า "ถ้าเสร็จจากภารกิจทางโลกแล้ว เราจะไม่กลับมาทางโลกอีก เราคงเคยเกิดมาหลายชาติแล้ว เราคงพอแก่การเกิดได้แล้วในชาตินี้ เห็นอะไรก็เกิดความสลดสังเวชไปหมด จึงเป็นแนวทางทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า เรารู้มาก่อน เห็นมาก่อน ตั้งแต่อดีตชาติ เหมือนกับเราจะได้ต่อเติมเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมการบำเพ็ญเพียรเพื่อให้ หลุดพ้น"

          ด้วยความคิดเช่นนั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จึงได้หมั่นปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น โดยหลังเลิกเรียนของทุก ๆ วัน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็ได้ไปปักกลด นั่งบำเพ็ญภาวนาที่อยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทุกวัน วันพระจะถือกลดไปโรงเรียนด้วย พอเลิกเรียนจะเข้าไปปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่วัด บางครั้งก็ไปปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทั้งคืนจนสว่าง ปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตร

          จนกระทั่งเมื่อ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก อายุได้ 15 ปี ก็ได้ออกบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยมีท่านหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งหลังจากบรรพชา หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ระยะหนึ่ง ซึ่งได้รับการอบรมธรรมะจากพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่สมบูรณ์ ขันติโก อย่างนานัปการ

ประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม
ภาพจาก luangpunenkham.com

          จากนั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ออกเดินทางจาริกธุดงค์ ปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี โดยในขณะที่นั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เนื่องจากมีงูเหลือมตัวหนึ่งได้เลื้อยมาพาดขา พาดตัก บางคืนนอนอยู่ที่ตัวของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก และในบางครั้ง งูเหลือมจะเลื้อยมาขดอยู่บนหน้าอกของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก แต่ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็มิได้หวาดหวั่นต่ออันตรายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกเป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็ได้เริ่มออกจาริกธุดงค์ เพื่อทำการเผยแผ่หลักธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          ซึ่งระหว่างที่ออกธุดงค์นั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่วัดอรัญบรรพต ต่อจากนั้นไปที่วัดหินหมากเป้ง เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งท่านได้ให้ธรรมะชั้นสูง จากนั้นเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปถึง เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี แล้วกลับมาที่วัดป่าดอนธาตุ เพื่อเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 โดย หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า "ฉัตติโก" หรือ "พระอาจารย์ วิรพล ฉัตติโก" ซึ่งเป็นอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อย หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ออกเดินทางมายัง จ.ศรีสะเกษ

         ครั้งหนึ่ง หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เคยมีตำแหน่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และยังเป็นผู้เขียนหนังสือ "ชาติหน้าไม่ขอเกิด" และ "นิพพานมีจริง" อีกด้วย ส่วนเหตุที่เรียกตัวเองว่า "หลวงปู่" เพราะเป็นการรวมอายุในชาติที่แล้วกับชาตินี้





จุดเปลี่ยนนำไปสู่การจับสึกและดำเนินดคี

          ภายหลังจากที่มีภาพกิจกรรมหรูหราต่าง ๆ ของ เณรคำ ถูกเผยแพร่ ทำให้สังคมส่วนใหญ่เกิดความไม่สบายใจ นำมาซึ่งการตรวจสอบประวัติโดยละเอียด ทั้งเรื่องคำพูดประโยคที่ว่า "ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด" ซึ่งดูเหมือนเป็นการอวดอ้างตนว่าเป็นพระอรหันต์ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เคยใกล้ชิดออกมาเปิดเผยพฤติกรรม การเสพเมถุน ส่งผลให้ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ถูกคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษให้ออกจากสมณเพศเมื่อปี 2556

          เมื่อพ้นจากความเป็นพระสงฆ์ อดีตหลวงปู่เณรคำ อ้างว่า ตนมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยและสามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย และยังกล่าวอีกด้วยว่าจะตั้งนิกายใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ไทย และยังคงแต่งกานเหมือนพระสงฆ์อยู่ในต่างแดน ท่ามกลางข้อหาที่ค้างอยู่ที่ประเทศไทยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี, กระทำชำเราเด็กหญิง, ฉ้อโกงประชาชน ความผิดฐานฟอกเงินและ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานอวดอุตริมนุสธรรมผ่านเว็บไซต์ ทำให้ทางการไทยประสานขอให้สหรัฐส่งตัวมาดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนจะถูกตำรวจสหรัฐฯ จับกุมได้ในปี 2559 และส่งตัวให้ไทยในเดือนกรกฎาคม  2560 



         ล่าสุด วันที่ 9 สิงหาคม 2561 ศาลได้พิพากษาตัดสิน อดีตเณรคำ ในข้อหา 3 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ผิดฐาน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และฐานฟอกเงิน แต่จำเลยปฏิเสธ โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี พ.ศ. 2552-2556 จำเลยมีการอวดอ้างนิมิตถึงพระอินทร์แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธา 29 คน หลงเชื่อจนบริจาคเงินให้กว่า 28 ล้านบาท แล้วนำไปซื้อรถ 10 คัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีการตัดสินว่าจำเลยผิดจริง รวมโทษทุกกระทงแล้ว 114 ปี จำคุกสูงสุดตามได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป


ภาพจาก ไบรท์ทีวี

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประวัติ หลวงปู่เณรคํา ฉัตติโก พระดังวัดป่าขันติธรรม อัปเดตล่าสุด 10 สิงหาคม 2561 เวลา 14:25:19 114,496 อ่าน
TOP