ดร.สมเกียรติ จวก กทค. เลี่ยงแจง 10 ข้อ ปมสัมปทานคลื่น 1800 MHz

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

          ดร.สมเกียรติ ตอกกลับ กทค. แจงข้อเท็จจริงปมสัมปทานคลื่น 1800 MHz 10 ข้อ หลังมีการบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม โดยอ้างว่า เป็นประเด็นเดิม ๆ ทั้งที่มีหลายฝ่ายข้องใจ

          สืบเนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)  มีมติขยายเวลาการใช้คลื่น 1800 MHz ของ True Move และ DPC ออกไป 1 ปี โดยไม่นำคลื่นมาประมูล รวมทั้งยังฟ้องหมิ่นประมาทนักวิชาการที่ตรวจสอบ และให้ความเห็นทางวิชาการทักท้วง  ตลอดจนสื่อมวลชนที่รายงานความเห็นดังกล่าวนั้น

          ล่าสุด วันนี้ (9 กันยายน 2556) ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เผยแพร่บทความ "10 คำถามที่ กทค. ไม่สะดวกใจที่จะตอบ?" เนื่องจากมองว่า การฟ้องร้องจะเป็นสิทธิที่ กทค. สามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่ก่อนจะดำเนินการดังกล่าว กทค. ควรจะต้องตอบคำถาม 10 ข้อต่อสาธารณะเสียก่อน
 
          โดย ดร.สมเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ตนตั้งคำถามไป ปรากฏว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ลงคำชี้แจงที่มีสาระซ้ำ ๆ กับที่ กทค. เคยชี้แจงก่อนหน้านั้นแล้ว โดยระบุว่า ได้อธิบายข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งคำถามทั้ง 10 ข้อ ที่ตั้งมานี้ เป็นประเด็นเดิม ๆ ที่นำเสนอข้อเท็จจริงเพียงส่วนเดียว หาก กทค. ตอบคำถามทั้งหมด ก็จะยิ่งทำให้สังคมเกิดความสับสนหนักขึ้นไปอีก และยังกล่าวหาตนว่า พยายามเบี่ยงเบนประเด็นอีกด้วย

           ตนประหลาดใจมากต่อท่าทีล่าสุดของสำนักงาน กสทช. เพราะตีความได้ว่า ลำพังการตั้งคำถามโดยไม่ได้วิจารณ์อะไร กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว ซึ่งนับว่าไปไกลกว่าท่าทีก่อนหน้านั้นของ กทค. และสำนักงาน กสทช. ซึ่งก็ไม่เป็นมิตรต่อคำวิพากษ์วิจารณ์และความเห็นที่แตกต่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

           ทั้งนี้ ในประเด็นสาธารณะเรื่องการต่ออายุการใช้งานคลื่น 1800 MHz  คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผู้เห็นแตกต่างจากท่านจำนวนไม่น้อย ไม่เฉพาะตนและนักวิชาการจากทีดีอาร์ไอเท่านั้น  แต่ยังมีนักกฎหมาย นักวิชาการ สื่อมวลชน ภาคประชาสังคม และประชาชนจำนวนมาก ที่แสดงออกในเครือข่ายสังคม (social media) และตั้งข้อสังเกตถึงความชอบด้วยกฎหมายของการดำเนินการของ กทค.    

           ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นสาธารณะเช่นนี้ ตนมีความเห็นว่า กทค. และสำนักงาน กสทช. ในฐานะเจ้าหน้าที่และองค์กรของรัฐ ที่อาศัยงบประมาณและได้ค่าตอบแทนจากทรัพยากรสาธารณะ ไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็นและกล่าวโทษผู้อื่นอีกต่อไป แต่ควรตอบคำถาม 10 ข้อต่อไปนี้ เพื่อชี้แจงต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา   

          1. ตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ท่านไม่ทราบหรือว่า สัมปทานของ True Move และ DPC จะหมดอายุภายในเดือนกันยายน 2556

          2. ท่านไม่ทราบหรือว่า แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ของ กสทช. ที่ท่านมีส่วนร่วมจัดทำออกมาเมื่อเดือนเมษายน 2555 กำหนดให้คืนคลื่นเมื่อสัมปทานหมดอายุ

          3. ท่านไม่ทราบหรือว่า กฎหมาย กสทช. ห้ามต่ออายุสัมปทาน และให้จัดสรรคลื่นโทรคมนาคมด้วยการประมูลเท่านั้น

          4. ท่านไม่ทราบหรือว่า อนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. เคยให้ความเห็นในกรณีที่คล้ายกัน (กรณีคลื่น 800 MHz) ว่า ไม่สามารถขยายเวลาการใช้คลื่นได้ และนักวิชาการด้านกฎหมายจำนวนมากก็แสดงความเห็นในลักษณะเดียวกัน

          5. ท่านเคยขอความเห็นจากหน่วยงานด้านกฎหมายภายนอก เช่น คณะกรรมการกฤษฎีกา หรือแม้กระทั่งอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. เอง ก่อนมีมติต่อเวลาการใช้คลื่นหรือไม่ หรือท่านเข้าใจไปเองว่าสามารถทำได้

          6. ท่านได้แจ้งให้ผู้ใช้ของ True Move และ DPC ทราบล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ปี 2555 หรือไม่ว่า สัมปทานดังกล่าวจะหมดอายุลง

          7. ท่านได้ห้าม True Move และ DPC ขายบริการเกินอายุสัมปทาน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่

          8. ท่านได้เร่งดำเนินการให้ผู้ใช้บริการจำนวนมากสามารถโอนย้ายข้ามเครือข่าย (mass number portability) เพื่อลดปัญหาผู้ใช้บริการติดค้างอยู่ในโครงข่ายสัมปทานที่จะหมดอายุหรือไม่

          9. ท่านได้เร่งจ้างที่ปรึกษาเพื่อตีราคาคลื่นและออกแบบการประมูลคลื่น 1800 MHz หรือไม่ ก่อนที่จะอ้างว่าประมูลคลื่นไม่ทัน

          10. เวลากว่า 420 วัน นับตั้งแต่ประกาศแผนแม่บทฯ จนถึงวันที่ท่านมีมติขยายเวลาการใช้คลื่น ยังไม่เพียงพออีกหรือในการแก้ปัญหา หากท่านปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ

          นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึง กสทช. และ กทค. ว่า  ท่านจะตอบคำถามดังกล่าวเป็นข้อ ๆ อย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่ เพราะใน 10 คำถามนี้ ไม่น่าจะมีคำถามใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสาธารณะ ดังที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอ้างว่า ได้ดำเนินการอย่างซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามกฎหมาย จึงไม่สะดวกใจที่จะตอบ

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=198218&catid=176&Itemid=524