ขอเยาะเย้ย ทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย แม้นผืนฟ้า มืดดับเดือนลับมลาย ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
ขึ้นต้นด้วย เนื้อเพลงแสงดาวแห่งศรัทธาซึ่งประพันธ์ โดย จิตรภูมิศักดิ์ ก็เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งบนโลกล้วนยืนหยัดอยู่ได้ด้วยแรงของศรัทธา
เช่นเดียวกับการยังคงมีความพยายามของคนกลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลแต่สงบร่มเย็นด้วยจิตใจของผู้คนที่ศรัทธาในสิ่งดีงามร่วมกัน และร่วมกันก่อตั้งธนาคารแห่งแรงบันดาลใจ ในชื่อว่า "ธนาคารความดี" ที่ต.หัวง้ม อ.พาน จ. เชียงราย
ธนาคารแห่งนี้ เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 28ธ.ค.2550 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหัวง้ม เพื่อใช้เป็นกระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพ ภายใต้สังคมแห่งคุณธรรม และยังมีเป้าหมายว่าจะสะสมความดี 84,000 ความดี น้อมถวายในหลวง 84 พรรษา ในปี พ.ศ. 2554
รูปแบบบธนาคารนี้ คือการประยุกต์เอารูปแบบของกองทุนหมู่บ้าน และธนาคารพาณิชย์ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจกับมวลสมาชิก ภายใต้หลักการ ทำความดีสร้างค่าความเป็นคน ยามขัดสนเราให้แลกเป็นสิ่งของ
6 ปีผ่านไป ผลการดำเนินงานออกมาน่าปลื้มใจ จากข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 พบว่าจำนวนสมาชิกทั้งหมด 2,361คน มีความดีสะสมรวมทั้งสิ้น 1,300,000 กว่าความดี ความดีที่ถอนเพื่อแลกเป็นสิ่งของจำนวน 40,000 กว่าความดี โดยสิ่งของที่แลกได้ มักเป็นเพียงของเล็กๆน้อยที่คนในชุมชนร่วมบริจาค และหาซื้อมาเพื่อใช้ในบ้านได้ทุกคน เช่น สมุด ปากกา น้ำปลา ฯ
พระอาจารย์สุจิณกัลยาณธรรม วัดศรีเมืองมูลรองเจ้าคณะอ.พาน หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงที่สร้างธนาคารความดีขึ้นมาเชื่อว่า การเริ่มต้นที่ทำความดีที่มีอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว เราสามารถเปลี่ยนความดีจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ใช้ได้ กินได้ และมีจุดหมายสูงสุดอยู่ที่ทุกคนกลับมาทำความดีเพื่อความสุขที่เกิดจากใจตามแนวทางแห่งพุทธศาสนา
สำหรับรูปแบบแนวทางสมาชิกธนาคารจะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีใหม่ ทุกคนจะมีสมุดบัญชี พร้อมมีคะแนนต้นทุน 15 คะแนนความดีติดตัวประดิม จากนั้นเมื่อเวลาสมาชิก ไปร่วมกิจกรรมใดๆ ให้กับชุมชนจะมีเจ้าหน้าที่คอยเพิ่มแต้มคะแนนความดีให้
การคิดคะแนนความดี มีหลายแบบ ประเภทที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การเลิกข้องเกี่ยวกับอบายมุข และการเว้นจากการละเมิดศีล 5 ตลอดไป โดยต้องฝากโดยการตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะตั้งมั่นในการทำความดีต่อหน้าองค์พระ รัตนตรัย โดยจะได้รับคะแนนสูงสุดถึง 1,000 คะแนน
ส่วนการฝากความดีประเภทการเสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ สามารถฝากได้กับเจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ เจ้าอาวาสวัดทุกวัด ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ในต.หัวง้ม การถอนความดี ส่วนสมาชิกที่ต้องการถอนความดีต้องมีความดี สะสมอย่างน้อย 250 ความดี ถึงจะถอนความดีได้ แต่ต้องเหลือคะแนนความดีไว้ในบัญชีอย่างน้อย 100 ความดีเพื่อนำเข้ากองทุนความดีช่วยเหลือสมาชิกในยามจำเป็น
นายพินิจ ใจยา ชาวต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย เป็นอีกคนหนึ่งที่กล่าวปฏิญาณตนต่อพระครูสุจิณกัลยาณธรรม ว่าจะตั้งมั่นทำความดีด้วยการละเลิกจากอบายมุขตลอดชีวิตเขาบอกว่าความมุ่งหวังสูงสุดของเขามิใช่คะแนน 1,000 คะแนนที่ได้รับแต่เพราะประโยชน์สูงสุดที่เขามุ่งหวัง คือเเรงจูงใจที่ทำให้เขาเอาชนะใจตนเองจนหลุดพ้นจากอบายมุขให้ได้
ทุกวันนี้อบต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย มีชื่อว่า "ตำบลคนดี" ได้มีการขับเคลื่อนตำบลไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งที่จะเป็นศูนย์เรียนรู้ในโครงการตำบลสุขภาวะ ชุมชนน่าอยู่ โดยการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในยุคที่ความศรัทธาต่อความดี นับวันจะยิ่งหดหาย และการยืนหยัดเพื่อทำประโยชน์เพื่อสังคม กำลังเป็นเรื่องท้าทาย เหมือนเปลวเทียนธรรม ท่ามกลางสายลมที่พัดแรง แต่ความพยายามของคนที่นี่ยังคงไม่มืดดับ และยังทำหน้าที่สร้างคุณค่า สร้างต้นแบบแรงบันดาลใจ ให้ผู้ที่ยังยึดมั่นต่อทุก ๆ ความดีต่อไป
ขึ้นต้นด้วย เนื้อเพลงแสงดาวแห่งศรัทธาซึ่งประพันธ์ โดย จิตรภูมิศักดิ์ ก็เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งบนโลกล้วนยืนหยัดอยู่ได้ด้วยแรงของศรัทธา
เช่นเดียวกับการยังคงมีความพยายามของคนกลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลแต่สงบร่มเย็นด้วยจิตใจของผู้คนที่ศรัทธาในสิ่งดีงามร่วมกัน และร่วมกันก่อตั้งธนาคารแห่งแรงบันดาลใจ ในชื่อว่า "ธนาคารความดี" ที่ต.หัวง้ม อ.พาน จ. เชียงราย
ธนาคารแห่งนี้ เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 28ธ.ค.2550 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหัวง้ม เพื่อใช้เป็นกระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพ ภายใต้สังคมแห่งคุณธรรม และยังมีเป้าหมายว่าจะสะสมความดี 84,000 ความดี น้อมถวายในหลวง 84 พรรษา ในปี พ.ศ. 2554
รูปแบบบธนาคารนี้ คือการประยุกต์เอารูปแบบของกองทุนหมู่บ้าน และธนาคารพาณิชย์ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจกับมวลสมาชิก ภายใต้หลักการ ทำความดีสร้างค่าความเป็นคน ยามขัดสนเราให้แลกเป็นสิ่งของ
พระอาจารย์สุจิณกัลยาณธรรม วัดศรีเมืองมูลรองเจ้าคณะอ.พาน หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงที่สร้างธนาคารความดีขึ้นมาเชื่อว่า การเริ่มต้นที่ทำความดีที่มีอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว เราสามารถเปลี่ยนความดีจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ใช้ได้ กินได้ และมีจุดหมายสูงสุดอยู่ที่ทุกคนกลับมาทำความดีเพื่อความสุขที่เกิดจากใจตามแนวทางแห่งพุทธศาสนา
พระอาจารย์สุจิณกัลยาณธรรม
ธนาคารความดีได้นำหลักของศีล 5 และธรรม 5 (เบญจศีล-เบญจธรรม) ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มากำหนดเป็นผังบัญชีธนาคารความดี โดยมุ่งที่จะให้ศีล 5 คอยควบคุมทางกาย วาจา และหลักของธรรม 5 (ได้แก่ เมตตากรุณา คือความรัก ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น สัมมาอาชีวะ คือการประกอบสัมมาชีพกามสังวร คือการสำรวมในกามสัจจะคือการพูดความจริงสติสัมปชัญญะ คือความระลึกได้และความรู้ตัว) เพื่อมาน้อมนำจิตใจในการทำดีของทุกคนโดยเปลี่ยนความดีที่เป็น "คุณค่า" ให้เป็น "มูลค่า" ที่สามารถจับต้องได้มาปรับใช้กับชุมชนถ้าคนในต.หัวง้ม กลับมาทำความดีในศีล 5 ข้อนี้ได้ คนในพื้นที่ และการดำเนินวิถีชีวิตของคนที่นี่ก็น่าจะกลับมาดีและพากันรักษาศีล 5 เหมือนเช่นเดิม พระนักพัฒนาตอกย้ำถึงเข็มทิศธนาคารฯสำหรับรูปแบบแนวทางสมาชิกธนาคารจะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีใหม่ ทุกคนจะมีสมุดบัญชี พร้อมมีคะแนนต้นทุน 15 คะแนนความดีติดตัวประดิม จากนั้นเมื่อเวลาสมาชิก ไปร่วมกิจกรรมใดๆ ให้กับชุมชนจะมีเจ้าหน้าที่คอยเพิ่มแต้มคะแนนความดีให้
การคิดคะแนนความดี มีหลายแบบ ประเภทที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การเลิกข้องเกี่ยวกับอบายมุข และการเว้นจากการละเมิดศีล 5 ตลอดไป โดยต้องฝากโดยการตั้งสัจจะอธิษฐานที่จะตั้งมั่นในการทำความดีต่อหน้าองค์พระ รัตนตรัย โดยจะได้รับคะแนนสูงสุดถึง 1,000 คะแนน
ส่วนการฝากความดีประเภทการเสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ สามารถฝากได้กับเจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ เจ้าอาวาสวัดทุกวัด ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ในต.หัวง้ม การถอนความดี ส่วนสมาชิกที่ต้องการถอนความดีต้องมีความดี สะสมอย่างน้อย 250 ความดี ถึงจะถอนความดีได้ แต่ต้องเหลือคะแนนความดีไว้ในบัญชีอย่างน้อย 100 ความดีเพื่อนำเข้ากองทุนความดีช่วยเหลือสมาชิกในยามจำเป็น
ทุกวันนี้อบต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย มีชื่อว่า "ตำบลคนดี" ได้มีการขับเคลื่อนตำบลไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งที่จะเป็นศูนย์เรียนรู้ในโครงการตำบลสุขภาวะ ชุมชนน่าอยู่ โดยการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในยุคที่ความศรัทธาต่อความดี นับวันจะยิ่งหดหาย และการยืนหยัดเพื่อทำประโยชน์เพื่อสังคม กำลังเป็นเรื่องท้าทาย เหมือนเปลวเทียนธรรม ท่ามกลางสายลมที่พัดแรง แต่ความพยายามของคนที่นี่ยังคงไม่มืดดับ และยังทำหน้าที่สร้างคุณค่า สร้างต้นแบบแรงบันดาลใจ ให้ผู้ที่ยังยึดมั่นต่อทุก ๆ ความดีต่อไป
