เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ฅ.คน
สำหรับคนทั่วไปเมื่อถึงวัยบั้นปลายชีวิตก็คงปรารถนาจะได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน ใช้ชีวิตกับครอบครัว ทำจิตใจให้สงบ หรือหันหน้าเข้าหาธรรมะ แต่คงจะไม่มีหญิงชราที่ไหนลุกขึ้นมาปีนป่ายต้นมะขามสูงร่วม 2 เมตร เหมือนกับ "ยายเตียว คล้ายคลึง" แห่งบ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่วัยล่วงเลยมาจนเกือบจะแตะ 79 ปีแล้ว แถมยังปีนป่ายต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่วจนคนที่มองตามอดหวาดเสียวแทนไม่ได้
ถ้าลองได้ไปเยือนบ้านยายเตียวจะเห็นบ้านของยายร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ แต่รู้ไหมว่ากว่ายายจะได้กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของมา หญิงชราคนนี้กับสามีต้องทำงานเก็บหอมรอมริบแต่ละสตางค์จนเลือดตาแทบกระเด็น ทั้งรับจ้างขุดดิน หาบดิน ยายบอกว่า ชีวิตที่ผ่านมาทำเงินได้จากดินทั้งนั้น ทุกอย่าง จะกิน จะซื้ออะไรต้องได้ด้วยดินหมด กระทั่งในที่สุด ยายก็สามารถซื้อบ้านและที่ดินผืนนี้ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
"ฉันซื้อได้ ฉันนั่งกราบสามครั้งเลย เป็นทรัพย์สมบัติที่สร้างมาด้วยไม้คาน 26 ไร่ กับ 144 ตารางวา เขาขายสองครั้ง งวดแรก 15 ไร่กว่า ทีนี้ตอนหลังไม่ถึงปี มาบอกขายให้ใหม่ ไม่ใช่อยู่ ๆ กระปบซื้อนะ ฉันไม่ให้ใครมาว่าได้ คือว่าถ้าเจ้าของที่บอกขายนะ ฉันตอบกลับเขาไปว่า คุณไปบอกพี่น้องลูกหลานให้หมดทุกคนก่อน ถ้าไม่ซื้อฉันถึงซื้อ ฉันไม่ให้ใครมาด่าส่งตูด" ยายเตียวพูดตรง ๆ
ถึงแม้ยายเตียวจะรู้ค่าของต้นไม้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนเพื่อนบ้านจะไม่พอใจเท่าไรนัก จนถูกกล่าวร้ายอยู่บ่อย ๆ แต่คนอย่างยายเตียวก็ไม่คิดโกรธเคืองใคร เพราะไม่อยากทะเลาะกับใคร สู้ยิ้มกันดีกว่าจะได้สบายใจ
"ฉันชอบต้นไม้ ชาวบ้านมาด่าว่าที่มึงไม่ทำผลประโยชน์ รู้ไหมหลวงจะมายึด ฉันตอบเลยให้มายึด อีเตียว ป.4 สะกดหนังสือไม่ถูกนะ ถ้าไม่ฎีกาถึงเจ้าเหนือหัวอย่าเรียกชื่อฉันเชียว ฉันบอกเนี่ยลองดัดดูมูลค่าเท่าไหร่ ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม่ได้หวังหรอก ปลูกเอาไว้ไอ้เราไม่ได้เห็น รุ่นหลานนั่นแหละถึงจะได้เจอ..."
นอกจากความชอบต้นไม้เป็นการส่วนตัวแล้ว ยายเตียว ในฐานะแม่ของลูกสาว 2 คน ก็ตั้งใจจะมอบที่ดินผืนนี้ให้ลูกหลานเหลนโหลนได้ปลูกบ้านอาศัย และเผื่อแผ่ผลผลิตทางการเกษตรที่งอกงามจากผืนดินให้ผู้อื่นที่เอ่ยปากขอ แต่ก็ไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่จะได้รับ แม้แต่นกตัวน้อย ๆ ก็ยังอาศัยต้นไม้ของยายเตียวเป็นแหล่งอาหารและที่พักพิงอีกด้วย หรือแม้แต่หมาแมวที่มีคนมาปล่อย ยายก็รับเลี้ยงไว้หมด และหลังจากเฝ้าเพียรปลูกต้นไม้ดูแลผืนดินมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดวันหนึ่งก็มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่ยายเตียวทำ และแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมบ้านของยายอยู่เป็นระยะ
"เนี่ย ตั้งแต่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไม่รู้เท่าไหร่ เด็กนักเรียนในรถอีแต๋นตกสิบคันชูแบงก์ร้อยคนละใบ ฉันไม่รับ บอกหนูเก็บไว้เรียนจะได้มีอนาคตไม่ต้องให้ป้า ไม่เอาสักกะบาท" ยายเตียวบอกอย่างทะนง
เห็นยายเตียวไฟแรงเกินวัยขนาดนี้ หลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ยายเคยคิดจะไปเข้าวัดถือศีลเหมือนกับคนชราทั่ว ๆ ไปหรือไม่ แต่ยายกลับบอกว่า จะไปรับจ้างขุดดินถมข้างชายศาลาโรงธรรม และไม่จำเป็นต้องเข้าวัดถือศีล เพราะขึ้นต้นไม้ก็ปฏิบัติได้ ดีกว่าถือศีลเสียอีกนั่น
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ยอมรับเลยว่า ชีวิตของยายเตียวช่างน่าทึ่ง เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ และการใช้ชีวิตในแบบนี้ก็คือความสุขที่ยายเตียวสร้างขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ ฅ.คน MAGAZINE ปีที่ 8 ฉบับที่ 10 (93) สิงหาคม 2556