
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Thaksin Shinawatra
สื่อนอกเปรียบการประท้วงในไทยกับยูเครน เป็นการประท้วงคล้ายกันแต่ชาติตะวันตกกลับสองมาตรฐาน หนุนผู้ประท้วงในยูเครน แต่ประณามผู้ประท้วงในไทย
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2556 เว็บไซต์เพรสทีวี เผยแพร่บทความของนายโทนี่ คาตาลัคซี ที่วิเคราะห์การเมืองไทยเปรียบเทียบกับยูเครนที่สถานการณ์การประท้วงเข้าขั้นรุนแรง เผยเป็นการประท้วงในกรณีแวดล้อมที่คล้าย ๆ กัน แต่ชาติตะวันตกกลับแสดงท่าทีสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด คือ ขอให้รัฐบาลฟังเสียงผู้ประท้วงในยูเครน แต่กลับหนุนหลังรัฐบาลชินวัตร ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันมากว่า 10 ปี โดยเนื้อหาจากในบทความ ระบุโดยสรุปได้เป็นหัวข้อดังนี้
การประท้วงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากรัฐบาลยูเครน ปฏิเสธที่จะบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้ผู้ประท้วงออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านการตัดสินใจของรัฐบาล และลุกลามเป็นเหตุจลาจลจนทำให้ตำรวจต้องปราบปรามการชุมนุมของผู้ประท้วง จากนั้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงกว่า 10,000 ชีวิตก็ออกมาประท้วงตอบโต้การปราบปรามของตำรวจ ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน ได้ออกมาประณามปฏิบัติการของตำรวจว่าเป็นการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิการแสดงออกและชุมนุมของประชาชน และขอให้ฟังเสียงประชาชนด้วย
หลังจากการผุด พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนไทย จนออกมาชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ ต่อด้วยการประท้วงล้มรัฐบาลของกลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐบาล การประท้วงก็ลุกลามต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ถึงขั้นมีการเข้ายึดสถานที่ราชการหลายแห่ง เพื่อให้งานรัฐดำเนินต่อไปไม่ได้ ซึ่งถึงแม้ว่าการประท้วงในไทยนี้ จะมีผู้ประท้วงจำนวนมหาศาล แต่สหรัฐฯ กลับมองว่าเป็นการประท้วงที่แย่และยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะการเข้ายึดสถานที่ราชการหรืออาคารต่าง ๆ
อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร และตระกูลชินวัตร ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ มากว่า 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่ก่อนที่ทักษิณจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2001 เสียอีก
รายงานระบุว่า ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทักษิณได้แสวงหาโอกาสในการลงทุนในวอลล์สตรีทและลอนดอน พร้อมกับการไต่เต้าในวงการการเมือง จากนั้นเขาก็พยายามใช้สายสัมพันธ์ระหว่างเขาและสหรัฐฯ ในการส่งเสริมภาพพจน์ทางการเมืองในช่วงแรก ๆ ที่เขาเป็นนักการเมืองด้วย และเมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็เริ่มตอบแทนการสนับสนุนของชาติตะวันตก และกลายเป็นที่รักของสื่อตะวันตก แม้จะถูกรัฐประหารไปเมื่อปี 2006 เพราะเขามีผลประโยชน์ร่วมกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สิ่งที่เห็นชัดเจนจากการประท้วงในสองประเทศ ก็คือแม้ว่าผู้ต่อต้านรัฐบาลยูเครนจะออกมาใช้ความรุนแรงด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใช้รถแทรกเตอร์พังด่านตำรวจที่ดูแลสถานการณ์ชุมนุม แต่พวกเขากลับไม่เคยได้รับการประณามจากชาติตะวันตกเลย ดังนั้นถ้าหากไม่สองมาตรฐาน การชุมนุมประท้วงในไทยก็น่าจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้เช่นกัน แต่ต่างที่ผู้ประท้วงในไทยไม่ได้เอื้อประโยชน์ใด ๆ ต่อชาติตะวันตก จึงไม่แปลกที่ชาติตะวันตกจะต่อต้านและประณามการชุมนุมในไทยเช่นนี้







