ขอขอบคุณภาพประกอบจาก rosemary-jacobs.blogspot.com, rosemaryjacobs.com
นางโรสแมรี่ จาคอบ หญิงชาวอเมริกัน ผู้มีผิวสีฟ้าอมเทาดูประหลาด ต้องทนทรมานกับการใช้ชีวิตที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาด เป็นมนุษย์ต่างดาว ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน ฯลฯ จุดเริ่มต้นมาจากยาหยอดจมูกที่มีส่วนผสมของซิลเวอร์คอลลอยด์ที่เธอเริ่มใช้เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ และมันค่อย ๆ เปลี่ยนสีผิวเธอไปอย่างช้า ๆ เมื่อสังเกตเห็นอีกทีก็กลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว และมันไม่มีทางรักษาให้หายเป็นปกติ
ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล วันที่ 12 ธันวาคม 2556 ระบุว่า แม่ของเธอพาเธอไปหาหมอเนื่องจากเห็นว่าเธอเป็นหวัดบ่อย หมอระบุว่าเธอเป็นภูมิแพ้ และได้จ่ายยาหยอดจมูกให้ โดยกำกับว่าให้ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แต่โรสแมรี่ก็ใช้มันทุก ๆ ครั้งที่รู้สึกคัดจมูก และจากนั้นความเปลี่ยนแปลงก็ค่อย ๆ เกิดขึ้น
เนื้อตัวเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ๆ อมเทาทีละนิด แรกนั้นคนในครอบครัว เพื่อน ๆ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น จนกระทั่งมันเข้มชัดมากขึ้นในอีก 4 ปีให้หลัง จนพยาบาลที่โรงพยาบาลรู้สึกผิดสังเกต และแนะนำให้เธอไปพบแพทย์ผิวหนัง และตอนนั้นเองที่เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค "อาร์จีเรีย" (Argeria) ผลการตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อก็ยืนยันว่าเธอมีอนุภาคเงินแทรกซึมอยู่ในผิวจริง ๆ
โชคร้ายที่อาการนี้ไม่มีทางรักษา โรสแมรี่ จึงต้องอยู่กับมันเรื่อยมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ในตอนนี้เธออายุ 71 ปี และเกษียณจากอาชีพครูแล้ว และเล่าย้อนความขมขื่นที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ ว่าเธอไม่เคยได้คบกับใครจริง ๆ จัง ๆ เพราะมีแต่คนรังเกียจมองว่าเธอเป็นตัวประหลาด เวลาเดินตามถนนคนอื่น ๆ ก็จะข้ามหนีไปเดินอีกฟาก เพราะคิดว่าเธอป่วยเป็นโรคร้าย เธอเคยถูกหาว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว บ้างก็ว่าเป็นผีดิบ บ้างก็บอกให้ล้างเมคอัพวันฮาโลวีนออกได้แล้ว แอร์โฮสเตสพยายามยัดเยียดให้เธอสวมหน้ากากออกซิเจน เพราะคิดว่าเธอขาดอาการหายใจจนตัวซีด ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่เธอประสบมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีของชีวิต
นอกจากนี้ เมื่อตอนอายุ 36 โรสแมรี่ยังเคยทำการขัดผิว (dermabrasion) เพื่อขัดลอกเอาผิวชั้นนอกบนใบหน้าออกทั้งหมด ด้วยหวังว่ามันจะขัดเอาสีฟ้า ๆ เทา ๆ เงิน ๆ ออกไปได้ด้วย แม้ว่าสุดท้ายสีผิวของเธอจะดูเหมือนสีเนื้อขึ้น แต่ก็ยังคงมองเห็นรอยด่างเป็นปื้นสีฟ้าอมเทาอยู่ดี
ปัจจุบัน โรสแม่รี่ ไม่คิดหาทางรักษาโรคอาร์จีเรียของตัวเองอีกต่อไป แต่เธอผันตัวเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ เพราะเข้าใจดีว่าคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับเธอนั้นต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแค่ไหน ทั้งยังรณรงค์เรียงร้องให้บริษัทยาและอาหารเสริมหลาย ๆ แหล่ง ที่เธอเชื่อว่ายังมีการลักลอบผสมซิลเวอร์คอลลอยด์ลงในยา ให้เลิกใช้มันได้แล้ว แม้ในอเมริกาได้มีกฎห้ามการใช้สารละลายดังกล่าวเป็นส่วนผสมในยาตั้งแต่ปี 1999 แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ อาร์จีเรีย คืออาการที่มีธาตุเงินสะสมอยู่ในตัว อันเกิดจากการใช้ยาที่มีส่วนผสมของซิลเลอร์คอลลอยด์ หรือ สารละลายที่มีอนุภาคเงินเป็นส่วนผสม อย่างต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน จึงเกิดการสะสมในร่างกาย และเปลี่ยนสีผิวให้กลายเป็นสีฟ้าอมเทา หรือเงิน ผู้ป่วยโรคอาร์จีเรีย ที่เป็นที่รู้จักดีรายหนึ่งก็คือ นายคาราสัน หรือ ปาป้าสเมิร์ฟ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วด้วยอาการปอดบวมเมื่อเดือนกันยายน 2013 ที่ผ่านมา
