เรียบเรียงข้อทูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
นักวิจัยจากอเมริกาและออสเตรเลีย ประสบความสำเร็จในการทดลองยาต้านแก่ โดยฉีดให้หนูวัย 2 ปี เพียง 1 สัปดาห์ถัดมา หนูทดลองกลับไปมีลักษณะเหมือนเพิ่งอายุ 6 เดือนอีกครั้ง เตรียมทดลองในคนภายในปีหน้า !
รายงานจากเว็บไซต์เดอะการ์เดียน วันที่ 20 ธันวาคม ระบุว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยแห่งนิวเซาธ์เวลส์ ออสเตรเลีย ประสบความสำเร็จในการทดลองยาที่มีความสามารถฟื้นฟูประสิทธิการทำงานของเซลล์ เปรียบเหมือนทำให้เซลล์ที่ร่วงโรยไปแล้วตามกาลเวลา กลับมาเต่งตึงเหมือนหนุ่มสาวอีกครั้ง โดยได้ฉีดสารประกอบดังกล่าวให้กับหนูทดลองวัย 2 ปี จำนวนสองตัว และในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา พบว่าหนูทั้งสองตัวนั้้นกลับ ไปมีลักษณะเหมือนหนูรุ่น ๆ วัยเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง หากเปรียบกับคนแล้ว ก็เหมือนจากคนรุ่นเกษียณวัย 60 ปี กลับไปเป็นวัยรุ่นเพิ่ง 20 อีกครั้ง
ความสำเร็จในการทดลองดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ Cell ซึ่งเผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับชีวเคมี หรือชีวะระดับโมเลกุล คาดว่าจะขยายผลการทดลองมาสู่มนุษย์ภายในปีหน้านี้ ด้วยจุดประสงค์ด้านการรักษา อาทิ โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม และโรคเบาหวาน เป็นหลัก
การวิจัยนี้ให้ความสนใจกับส่วนไมโตรคอนเดรีย ซึ่งทำหน้าที่สร้างพลังงานให้กับเซลล์ แต่เมื่อเวลาผ่านนานไป การทำงานของส่วนนี้ก็เสื่อมลง ทำให้เซลล์ชรา นำมาซึ่งความเสื่อมถอยของร่า งกายตามสังขาร แต่การฉีดสารประกอบ ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญ คือ นิโคตินาไมด์ อะดีไนน์ ไดนิวคลีโอไทด์ (nicotinamide adenine dinucleotide) หรือ NAD อันเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในเซลล์ และค่อย ๆ น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อได้รับสารตัวนี้เข้าไปเพิ่ม เซลล์จึงกลับมาทำงานได้ดีอีกครั้ง จึงทำให้หนูในการทดลองทั้งสองกลับมาเป็นหนูวัยรุ่นอีกครั้งนั่นเอง
ศาสตราจารย์เดวิด ซินแคลร์ และ ดอกเตอร์ไนเกล เทอร์เนอร์ สองผู้นำการวิจัย กล่าวว่า ความสำเร็จในการวิจัยนี้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก เพราะมันทำงานได้เร็วกว่าที่คิด คือเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ให้ผลที่น่าพอใจเกินคาด และน่าจะนำมาใช้กับมนุษย์โดยมีผลข้างเคียงต่ำ เพราะ NAD เป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้วตามธรรมชาตินั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี สำหรับการนำมาใช้กับมนุษย์นั้นยังคงมีต้นทุนสูงมาก คือราว 50,000 เหรียญต่อวัน (ประมาณ 1,500,000 บาท) เลยทีเดียว
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักในการนำมาใช้กับมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อให้คนเราอยู่ได้นานเกินร้อยปี แต่เพื่อให้มนุษย์อยู่ได้อย่างสุขภาพแข็งแรงดีเมื่ออายุมากขึ้น เพราะโรคอย่างมะเร็ง สมองเสื่อม หรือเบาหวานประเภท 2 นั้น มีสาเหตุจากการเสื่อมโทรมของเซลล์ การรักษาด้วยวิธีนี้จึงน่าจะได้ผลดี อีกทั้งยังส่งผลดีต่ออวัยวะข้างเคียงอื่น ๆ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคชราแทรกซ้อนขึ้นมาได้ด้วย
"ไม่ว่ามันจะทำให้เราอยู่ไปจนถึงอายุ 150 หรือเปล่า ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เราก็จะไม่ต้องใช้เวลา 20-30 ปีสุดท้ายของชีวิต ไปกับสุขภาพที่ย่ำแย่"
