ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
รัฐบาลอิสลามของโมร็อกโกมีมติแก้ไขกฎหมายมาตรา 475 ยกเลิกบทลงโทษที่ให้คนร้ายข่มขืนแต่งงานกับเหยื่อ หลังเกิดกรณีเด็กสาววัย 16 ปี ฆ่าตัวตาย หลังต้องแต่งกับชายที่ขืนใจตัวเอง
ตามรายงานจากเว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2557 รัฐสภาโมร็อกโกได้ข้อตกลงจะแก้ไขกฎหมายมาตรา 475 ซึ่งว่าด้วยการลงโทษผู้ต้องหาในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้เยาว์ โดยกฎเดิมนั้น ให้ผู้ต้องโทษเสียค่าปรับจำนวนหนึ่ง และจำคุกอีก 1-5 ปี หรือแต่งงานกับเหยื่อของตนเอง และหลุดจากบทลงโทษข้างต้นที่ได้กล่าวมา โดยจะแก้ไขการให้เหยื่อแต่งงานกับผู้ต้องหาออกไป แล้วคงไว้เฉพาะการเสียค่าปรับและจำคุกแทน
เนื่องจากโมร็อกโกเป็นประเทศอิสลาม การที่ลูกสาวของบ้านเสียตัวโดยยังมิได้แต่งงานหรือกับชายผู้มิใช่สามี ถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียแก่ครอบครัวมาก แม้ว่าจะเป็นในกรณีที่เธอถูกข่มขืนก็ตาม ดังเหตุที่เกิดขึ้นกับ อะมีนา ฟิลาลิ เด็กหญิงวัย 16 ปี ที่ถูกชายอายุราว 25 ปีข่มขืน ผู้พิพากษารวมทั้งพ่อแม่ของเธอ เกลี้ยกล่อมให้แต่งงานกับผู้ต้องหา แต่หลังแต่งงานเพียง 7 เดือน เธอก็ตัดสินใจกินยาเบื่อหนูฆ่าตัวตาย เสียชีวิตลงเมื่อเดือนมีนาคม 2555
เรื่องของฟิลาลิ จุดประเด็นให้คนในสังคมลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขบทลงโทษดังกล่าว และก็ได้รับชัยชนะในที่สุด เมื่อรัฐสภาประชุมมีความเห็นชอบให้ยกเลิกการให้เหยื่อแต่งงานกับผู้ต้องหาออกจากบทลงโทษ และคงไว้เฉพาะส่วนที่ว่าให้ปรับเงิน พร้อมทั้งจำคุก 1-5 ปีแทน
อย่างไรก็ดี นางคาดิย่า รูอิสซี่ ประธานสมาคมเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งโมรอคโก (Moroccan Association for Human Rights) กล่าวว่า แม้การเรียกร้องในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ยังไม่มากพอ กฎหมายที่ว่าด้วยการลงโทษผู้กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราควรต้องรุนแรงมากกว่านี้ เพราะที่มีอยู่นั้นช่างเป็นโทษที่เบาหวิวเหลือเกิน
ทางด้านผู้ก่อตั้งหน่วยงานอิสระ สมาคมระดมหลังเพื่อความเป็นธรรม (Mobilizing for Rights Associates) นางสเตฟานี วิลเลียม บอร์แดต ก็แสดงความเห็นว่า กฎหมายหลาย ๆ มาตราของโมรอคโกยังคงล้าหลัง นั่นทำให้ผู้หญิงโมรอกโกหลาย ๆ คนที่ถูกข่มขืน ไม่กล้าเข้าแจ้งความหรือร้องขอความเป็นธรรม เพราะในสังคมโมร็อกโกนั้น การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสนับเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เรื่องนี้สร้างความเจ็บปวดให้ผู้หญิงซึ่งเป็นเหยื่อถูกข่มขืนเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ นอกจากการแก้ไขกฎหมายมาตรา 475 ที่ยกเลิกการให้เหยื่อผู้เยาว์แต่งงานกับผู้ต้องหาแล้ว ทางรัฐบาลก็ได้ให้สัญญาว่าจะพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดให้รุนแรงกว่าเดิม ส่วนทางด้านเหล่าผู้เรียกร้องเพื่อสิทธิมนุษยชน ก็ขอให้รัฐบาลได้พิจารณากฎหมายข้ออื่น ๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิของสตรี เยาวชนที่ท้องโดยมิได้แต่งงาน รวมทั้งแม่และเด็กที่คลอดโดยมิได้แต่งงานด้วย
