เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
พ่อเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ขอศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกของบุตรชายเพียงผู้เดียว โดยศาลนัดเปิดเผยบัญชีบุตรชาย-ภรรยา 20 มี.ค. นี้ ยัน ไม่ต้องการทรัพย์สิน แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม
วันนี้ (27 มกราคม 2557) เวลาประมาณ 14.00 น. ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้พิจารณาคดีแพ่งที่นายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 67 ปี บิดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทยที่ถูกยิงเสียชีวิต ที่มายื่นต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากชื่อในทะเบียนบ้านของนายจักรกฤษณ์ อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายสำเภา ประจวบเหมาะ อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเจ้าบ้าน
ทั้งนี้ ในสำเนาคำร้องผู้จัดการมรดก นายมานพต้องการให้ศาลสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายจักรกฤษณ์เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งในการพิจารณาคดีในวันนี้ นายมานพก็ได้เดินทางมาด้วย ขณะที่ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ ได้มอบอำนาจให้ทีมทนายความมาคัดค้านการยื่นคำร้อง ซึ่งฝ่ายนี้มีจุดประสงค์ต้องการให้มีคำสั่งศาลเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกร่วม
อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าคดีนี้สามารถพอเจรจาให้ตกลงกันได้ และได้ไกล่เกลี่ยให้แบ่งปันทรัพย์สินให้มีข้อยุติโดยเร็ว โดยเสนอให้สรรหาบุคคลที่ 3 มาเป็นคนกลางในการเจรจา แต่นายมานพไม่ยอม ดังนั้น ศาลจึงนัดคู่ความมาพร้อมกันเพื่อสืบพยานครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคมนี้ โดยขอให้ทีมทนายความผู้ร้องรวบรวมบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดที่มีร่วมกันระหว่างนายจักรกฤษณ์และ พญ.นิธิวดีมาเปิดเผยต่อศาล แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาในการแบ่งทรัพย์สินได้ก่อนพิจารณาคดี ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า
ด้านนายมานพ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกร่วม เป็นเพราะ พญ.นิธิวดี และมารดา ตกเป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ รวมถึงยังมีคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารที่ สน.บางชัน เรื่องการเปิดตู้เซฟของธนาคารกสิกรไทยอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่ พญ.นิธิวดีไม่มีอำนาจเลย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่ต้องการทรัพย์สินของบุตรชาย เนื่องจากมีอายุมากแล้ว สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ร่ำรวย เพียงแต่ว่าต้องการให้เกิดความเป็นธรรมต่อทรัพย์สินบุตรชาย และทรัพย์สินที่ใช้ชื่อร่วมกับ พญ.นิธิวดี เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สงสัยว่า ทำไมต้องนำพระเครื่องที่มีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท นำออกจากตู้เซฟธนาคารอีกด้วย
สุดท้าย นายมานพ ยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ พญ.นิธิวดี ได้พยายามนำหลานมาพบที่บ้าน แต่ตนก็ได้ปฏิเสธ เพราะไม่มีทางใจอ่อนแน่นอน และทางที่ดีไม่ควรมาเจอกับตนและครอบครัวตนเป็นอันขาด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก