เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
4 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและรักษาโรคเอดส์ คว้ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556
สืบเนื่องจาก มูลนิธิรางวัลเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2534 ด้วยการริเริ่มของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองวันคลายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก องค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย ครบ 100 ปี ในวันที่ 1 มกราคม 2535 ดังนั้นจึงมีการดำเนินการมอบ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล เป็นประจำทุกปี
ส่วนการพิจารณาตัดสินรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 กระทำโดยผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการแล้วผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในการพิจารณาตัดสินเป็นขั้นสุดท้าย
โดยล่าสุด (28 มกราคม 2557) มีรายงานว่า ในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยมีผู้ได้รับพระราชทานรางวัล จำนวน 4 ราย จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้งสิ้น 64 ราย จาก 28 ประเทศ 2 สาขา จำนวน 4 คน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้ได้รับรางวัลสาขาการแพทย์ จำนวน 2 คน ได้แก่
ศ.นพ.เดวิด ดี.โฮ ผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหารศูนย์วิจัยโรคเอดส์เอรอนไดอะมอน นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา นพ.แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกาผู้ได้รับรางวัลสาขาการสาธารณสุข จำนวน 2 คน ได้แก่
บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต ผู้อำนวยการวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน สหราชอาณาจักร อดีตผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ราชอาณาจักรเบลเยียม นพ.จิม ยอง คิม อดีตผู้อำนวยการ แผนกเอชไอวี/เอดส์ องค์การอนามัยโลก สหรัฐอเมริกาสำหรับ ศ.นพ. เดวิด ดี. โฮ เป็นบุคคลแรกที่ผลักดันให้ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัวในการรักษาผู้ได้รับเชื้อเอชไอวี ตั้งแต่ระยะแรกที่ตรวจพบ เพื่อควบคุมไวรัสไม่ให้แบ่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยผลการศึกษาวิจัยที่พบว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีมีการแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาการ
นพ.แอนโทนี ฟอซี มีผลงานที่โดดเด่นในการเข้าใจกลไกการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยแสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสเอชไอวี มีการแบ่งตัวในต่อมน้ำเหลืองของผู้ได้รับเชื้ออย่างต่อเนื่อง จนจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีในต่อมน้ำเหลืองมีระดับสูง กระทั่งไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ส่งผลให้ผู้ได้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่ำ เจ็บป่วยจากการติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งนำไปสู่แนวคิดในการให้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัว ที่ประเมินผลได้จากการตรวจวัดจำนวนเชื้อไวรัสและจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4
ขณะที่ บารอนปีเตอร์ ปิอ็อต มีบทบาทในการศึกษาระบาดวิทยาของโรคเอดส์ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 เมื่อครั้งช่วยงานในโครงการซีด้า ซึ่งเป็นโครงการวิจัยโรคเอดส์ โครงการแรกในแอฟริกา ต่อมาได้ร่วมงานกับองค์การอนามัยโลกและดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติคนแรก ระหว่างปี พ.ศ. 2537-2551 ได้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประชาคมโลกตระหนักว่าโรคเอดส์จะแพร่กระจายและเป็นภัยร้ายแรงในอนาคต รวมถึงรณรงค์การป้องกันและกดดันให้ปรับลดราคายาต้านไวรัส ทำให้มีการเข้าถึงการรักษาผู้ป่วยเชื้อไอวีในประเทศยากจนได้มากขึ้น
นพ.จิม ยอง คิม ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกเอชไอวี องค์การอนามัยโลก ระหว่างปี พ.ศ. 2547-2549 เป็นผู้นำในการผลักดันให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างถ้วนหน้า โดยการผลักดัน แผนริเริ่ม 3 ใน 5 คือ ผลักดันให้ผู้ได้รับเชื้อไอวีในกลุ่มประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดผสมหลายตัว จำนวน 3 ล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2548
ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถบรรลุผลได้ในปี พ.ศ. 2550 จาการประสานกับโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ทำการระดมทุน ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรและเทคนิคในการตรวจรักษา รวมทั้งการปรับลดราคายาและการยอมรับยาที่ผลิตในบางประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาป้องกันและการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้มากยิ่งขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
