Thailand Web Stat

ผบช.ภ.2 โต้ข่าวชุดควบคุมฝูงชนแถลงการณ์อัด ศรส. เอาตัวรอด


ผบช.ภ.2 โต้ข่าวชุดควบคุมฝูงชนแถลงการณ์อัด ศรส. เอาตัวรอด


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 

            ผบช.ภ.2 ปฏิเสธข่าวตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทนไม่ไหว ออกแถลงการณ์ซัด ศรส. พูดไม่ใช้ความรุนแรงเป็นแค่การเอาตัวรอด ทิ้งตำรวจไว้รับผิดชอบฝ่ายเดียว ยัน ตำรวจยังมีกำลังใจดี ย้ำ ไม่พกพาอาวุธ

            หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 กุมภาพันธ์ 2557) ชาวสังคมออนไลน์ได้พากันแชร์ข้อความที่ระบุว่า เป็นแถลงการณ์ของตำรวจควบคุมฝูงชนทั่วประเทศ โดยมีเนื้อหาตำหนิศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ว่า การที่ออกมาแถลงข่าวว่าไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการสลายการชุมนุมเป็นเพียงคำพูดที่ผู้มีอำนาจใน ศรส. ต้องการเอาตัวรอด เพราะได้ทิ้งความรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่แต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น

            ล่าสุด พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้ออกมาปฏิเสธการออกแถลงการณ์ที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์แล้ว โดยยืนยันว่า ตำรวจควบคุมฝูงชนในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่แยกผ่านฟ้าลีลาศเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการออกแถลงการณ์ตำหนิ ศรส. แต่อย่างใด และกำลังพลก็ยังมีขวัญกำลังใจที่ดีอยู่ โดยพร้อมปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพียงโล่และกระบองเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ได้พกพาอาวุธแน่นอน

ผบช.ภ.2 โต้ข่าวชุดควบคุมฝูงชนแถลงการณ์อัด ศรส. เอาตัวรอด


            สำหรับแถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นของตำรวจชุดควบคุมฝูงชนที่ถูกแชร์กันในสังคมออนไลน์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น มีเนื้อหาว่า

            "เป็นที่ทราบกันโดยชัดแจ้งแล้วว่า ผู้ชุมนุมที่ใช้นามว่า กปปส. และเครือข่ายต่าง ๆ ที่ร่วมกันนั้นมีอาวุธปืนและอาวุธสงครามร้ายแรง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ในหลายครั้งที่ผ่านมา ตำรวจต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยที่ชุดควบคุมฝูงชนมีเพียงโล่และกระบองและอาจมีบางครั้งที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับผู้ชุมนุมได้การปฏิบัติแต่ละครั้งก็มีแต่ความสูญเสีย ชุดควบคุมฝูงชนจึงขอเรียกร้องดังนี้

            1. การปฏิบัติหน้าที่คราวต่อไปต้องมีการประกอบกำลังอาวุธเต็มรูปแบบ ทั้งอาวุธปืนพกส่วนตัวและอาวุธปืนยาวที่ใช้ประจำหน่วย ประกอบด้วย ลูกซอง และ M 79

            2. ไม่ควรมีการเจรจากับผู้ชุมนุมอีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาการเจรจาไม่ได้ผล

            3. ให้ ศรส. รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต้องแถลงข่าวว่าไม่ใช้ความรุนแรงไม่มีการสลายการชุมนุมเพราะคำพูดดังกล่าวเป็นการเอาตัวรอดของ ผู้มีอำนาจใน ศรส. เท่านั้น หากเกิดความรุนแรง ตำรวจผู้ปฏิบัติก็จะต้องรับผิดชอบทางอาญาตามลำพัง และที่ผ่านมาที่มีตำรวจและประชาชนเสียชีวิตไม่รู้ว่าตำรวจผู้ปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบหรือไม่หากเกิดมีการดำเนินคดี เพราะ ศรส. สามารถอ้างได้ตลอดเวลาว่า ศรส. ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม

            4. ตำรวจทั้งประเทศเหนื่อยมามากแล้วในการปฏิบัติหน้าที่ หน่วยกำลังที่อยู่ในความปกครองของรัฐบาลก็มิได้มีเฉพาะตำรวจเท่านั้น หน้าที่หลักของตำรวจคือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายทั่วไป และให้บริการประชาชนด้านการจราจรและงานด้านต่าง ๆ ตำรวจได้ทำหน้าที่ต่ออายุของรัฐบาลนี้มานานพอสมควรแล้ว ให้ใช้หน่วยงานอื่นบ้าง มิใช่ว่าเมื่อตำรวจมาเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม แต่กลับมีหน่วยงานที่ถืออาวุธอยู่ในฝั่งผู้ชุมนุมทั้งซ่อนเร้นและเปิดเผย รัฐบาลใช้งานตำรวจเกินกว่าเงินเดือนและมีบางส่วนเสียชีวิตและบาดเจ็บ

            ในขณะที่ตำรวจทำงานมากกว่าปกติ มีราชการบางส่วนเห็นดีเห็นชอบในการหยุดงานในกรณีที่ผู้ชุมนุมปิดล้อมสถานที่ราชการโดยไม่มีการต่อต้านหรือรวมตัวกันเรียกร้องสถานที่ราชการคืน จึงอยากให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาล และ ศรส. พิจารณา พวกเรามีวินัยแต่เหลืออดแล้ว จากชุดควบคุมฝูงชนทั่งประเทศ"

            นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชนหลายคนส่งข้อความผ่านทางไลน์และเฟซบุ๊ก แสดงความยกย่อง ส.ต.อ.อดุลย์ เกตุกัปตัน อายุ 28 ปี ผบ.หมู่ ป. สังกัด สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่กล้าหาญลุกขึ้นมาเตะลูกระเบิดที่มีผู้ปาเข้ามาในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่โพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อนายที่ไม่มีการวางแผนในการปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพ ทำให้ลูกน้องบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผบช.ภ.2 โต้ข่าวชุดควบคุมฝูงชนแถลงการณ์อัด ศรส. เอาตัวรอด อัปเดตล่าสุด 19 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 15:00:42 50,752 อ่าน
TOP
x close