x close

จริงดิ ผลวิจัยเผย ถ่าย Selfie มีแนวโน้มอยากทำศัลยกรรมมากขึ้น

เซลฟี่

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก thumbsup.in.th

          การถ่าย Selfie หรือการถ่ายหน้าตัวเองนั้น  มีแนวโน้มทำให้เราอยากทำศัลยกรรมมากขึ้น นั่นเป็นเพราะเห็นจุดบกพร่องต่าง ๆ ในรูปหน้า 

            จริง ๆ แล้ว เทรนด์การถ่ายหน้าตัวเอง หรือ "Selfie" นั้น มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยโทรศัพท์มือถือยังไม่มีกล้องหน้าซะด้วยซ้ำ ! ก็แหม.. วันไหนสวยวันไหนหล่อ ก็อยากจะถ่ายภาพตัวเองแบบเซลฟี่เก็บไว้ดูบ้างน่ะสิ แต่สมัยนี้โลกอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา ๆ เป็นอย่างมาก ภาพเซลฟี่ที่ถ่ายไว้ดูเล่นคนเดียว ตอนนี้ก็กลายเป็นเทรนด์ฮิตในโลกออนไลน์ ขอแชร์ภาพหน้า ถ่ายเอง อัพเอง ให้โลกโซเชียลได้ดูบ้าง อิอิ

            แต่เอ...เวลาเราดูภาพตัวเองมาก ๆ นั้น จะเกิดข้อตำหนิหรือเปล่าน้า นี่ก็แก้มใหญ่ไป ปากก็ห้อย ดั้งก็แบน โอ้ววว นั่นก็ร่องแก้ม นี่ก็ตีนกา ไม่ได้การละ ต้องไปหาหมอศัลยกรรมด่วน ๆ เชื่อเลยค่ะว่าหลายคนคงจะบอกว่า ไม่ ! แต่มีผลวิจัยเขาชี้ชัดมานะว่าการถ่ายเซลฟี่มาก ๆ ก็มีแนวโน้มที่ทำให้คนทำศัลยกรรมมากขึ้น

            โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 เว็บไซต์ thumbsup.in.th ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวว่า.. คุณเป็นหนึ่งคนที่ชอบถ่ายภาพตัวเอง หรือที่เรียกกันว่า Selfie บ้างหรือเปล่า ?  แล้วคุณเคยถ่ายภาพตัวเองแล้วพบว่าจมูกของคุณนั้นใหญ่ ตาตี่ ปากห้อย คางย้อย จนต้องนัดทำศัลยกรรมกับศัลยแพทย์กันเลยรึเปล่า ? อาจจะไม่ แต่จากผลการศึกษาโดย merican Academy of Facial Plastic and Reconstructive Surgery (AAFPRS) ไม่เป็นอย่างนั้น ผลการศึกษาดังกล่าวเผยว่าเทรนด์การถ่าย Selfie นั้นเป็นหนึ่งเทรนด์ที่ผลักดันให้ผู้คนหันมาทำศัลยกรรมกันมากขึ้น

            ทั้งนี้ AAFPRS เผยว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งนั้น เนื่องจากพวกเขาได้รับคำแนะนำ หรือการร้องขอให้ลองปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพวกเขาในส่วนนั้น ๆ และเนื่องจากคนไข้เหล่านั้นเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ของตนเองบนโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว นอกจากนี้ผลการศึกษาในปี 2013 ที่ผ่านมายังเผยว่าในปีนั้นผู้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งจมูกมากขึ้นถึง 10% รับการปลูกผมมากขึ้นถึง 7%  และ 6% ในการทำศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มชั้นตา

            โดย  Edward Farrior, กรรมการผู้จัดการบริษัท และ ประธาน แห่ง AAFPRS ได้เผยว่า เพราะการมีโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ อย่างเช่น Instagram หรือ SnapChat ที่เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับการแบ่งปันภาพถ่ายยอดนิยม ทำให้ผู้ถ่ายภาพต้องมองภาพ Selfie ของพวกเขาพร้อมหาข้อบกพร่องให้มากขึ้น และภาพลักษณ์นั้นเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดวัยรุ่น ทั้งในฐานะเพื่อน คนรัก ทำให้พวกเขาต้องรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาให้มากขึ้น


           นอกจากนี้ การกลั่นแกล้งยังเป็นอีกส่วนที่ทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง โดยกลุ่มวัยรุ่นผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งมีแนวโน้มเข้ารับการทำศัลยกรรมมากถึง 69% และ 31% ทำศัลยกรรมเพื่อป้องกันการถูกล้อเลียน หรือกลั่นแกล้ง

           โดยศัลยแพทย์ได้เผยว่าในปี 2013 ที่ผ่านมาพวกเขาพบคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีมากขึ้น โดยเพศหญิงส่วนมากจะเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า  เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์ของพวกเขา เช่น การยกกระชับใบหน้า รวมไปถึงการปรับขนาดจมูกเพื่อให้มีความพอดี ในขณะที่เพศชายนั้นจะเป็นกังวลเรื่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า และปริมาณของเส้นผม

            ไม่ใช่การถ่าย Selfie เท่านั้น การสื่อสารกันผ่าน Video Chat ยังทำให้ผู้ใช้งานมีแนวโน้มต้องการรับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งเช่นกันโดย Dr. Malcolm Z. Roth, อดีตประธานแห่ง  American Society of Plastic Surgeons ได้เผยว่าจากการใช้งาน Skype, Face Time และบริการ Video Chat อื่นๆ ทำให้พวกเขาสังเกตเห็นข้อบกพร่องของพวกเขาได้มากขึ้น ทั้งขนาดของกราม ลำคอและรอยเหี่ยวย่น การทำศัลยกรรมตกแต่งบริเวณดังกล่าว จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ใช้งาน Video Chat

             แล้วคุณคิดว่าอย่างไรบ้าง ? คุณเคยคิดจะทำศัลยกรรมเพราะเห็นภาพ Selfie ของตัวเอง หรือมีเพื่อนเคยบอกคุณให้ลองปรับเปลี่ยนลุคของคุณด้วยการทำศัลยกรรมผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กบ้างมั้ยคะ?


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จริงดิ ผลวิจัยเผย ถ่าย Selfie มีแนวโน้มอยากทำศัลยกรรมมากขึ้น อัปเดตล่าสุด 20 มีนาคม 2557 เวลา 17:31:23 7,561 อ่าน
TOP