อ.เบตง จ.ยะลา อำเภอใต้สุดชายแดนไทย ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเมืองต้นแบบด้านการท่องเที่ยวและพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และนี่คือเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในอำเภอเบตง... เริ่มจากชมทะเลหมอกและสัมผัสแสงแรกของวันที่ จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่สามารถชมความงามของทะเลหมอกได้รอบทิศทางในมุมมอง 360 องศา และสัมผัสกับจุดชุมวิวหรือสกายวอล์ก บนความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล สูงที่สุดในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา "จุดเด่นของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง คือ มีให้ชมตลอดทั้งปี และภายในสิ้นปี 2563 การก่อสร้างจุดชมวิวแห่งใหม่ หรือสกายวอล์ก ก็จะเสร็จสิ้นและพร้อมเปิดให้บริการ ซึ่งจะช่วยรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมได้มากยิ่งขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่ก็มีรายได้เสริม จากการขับจักรยานยนต์รับ-ส่ง นักท่องเที่ยว ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 20 คน สร้างรายได้วันละ 300-400 บาทต่อคน และที่สำคัญคือ จากจุดชมทะเลหมอก ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกได้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน" ห่างจากจุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เพียง 8 กิโลเมตร จะพบกับบ่อน้ำร้อน ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติอันสวยงาม นั่นคือ บ่อน้ำร้อนบ้านนากอ ความโดดเด่นของบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ คือ มีทั้งบ่อน้ำร้อนธรรมชาติไว้ให้นักท่องเที่ยวแช่ขา และบ่อน้ำอุ่นที่สามารถลงไปว่ายน้ำได้ ที่พิเศษคือ มีน้ำตกธรรมชาติอยู่ใกล้ ๆ เรียกได้ว่ามาที่เดียว ได้ทั้งแช่น้ำร้อน และเล่นน้ำตก "ก่อนหน้านี้บ่อน้ำร้อนบ้านนากอ มันรกร้าง ไม่มีสภาพท่องเที่ยว ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ได้มาเห็น แล้วก็สนับสนุนงบประมาณมาบูรณะ ภายใต้โครงการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ทำให้วันนี้บ่อน้ำร้อนบ้านนากอ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน จากการให้บริการที่พักแบบโฮมสเตย์ คืนละ 800 บาท และขายสินค้าต่าง ๆ จากคนจากชุมชน นอกจากนี้ยัง ยังส่งเสริมอาชีพแก่กลุ่มโอรังอัศรี่ หรือชนพื้นเมืองซาไก ได้นำสมุนไพรมาขายให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งเป็นการพัฒนาส่งเสริมและยกระดับเขาให้เป็นพลเมืองเท่าเทียบกับเราครับ ซึ่งใครที่มา อ.เบตง จ.ยะลา สามารถมาเที่ยวได้นะครับ เราเปิดให้บริการทุกวัน" จากบ่อน้ำร้อนบ้านนากอ ในตำบลอัยเยอร์เวง เดินทางมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองอำเภอเบตง ประมาณ 35 กิโลเมตร ณ บริเวณ กม. 4 ของ อ.เบตง จะพบกับชุมชนเก่า 100 ปี ของชาวฮากกาคนไทยเชื้อสายจีนที่มาตั้งถิ่นฐานและอยู่อาศัยในเบตงเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่มีเสน่ห์และน่าค้นหา ชาวฮากกามีชื่อเสียงด้านการทำอาหารมายาวนาน หนึ่งในเมนูอาหารที่ไม่ควรพลาดเพราะไม่สามารถหากินที่ไหนได้นอกจากชุมชนโบราณ 100 ปี ชาวฮากกาเท่านั้น นั่นก็คือ ลูกชิ้นมะละกอ อาหารโบราณ ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น วิธีการทำลูกชิ้นมะละกอ ชาวฮากกาจะนำมะละกอมาขูดเป็นเส้นพอเหมาะนำมาคลุกเคล้ากับแป้งโดยมีปลาหมึกแห้ง และกากหมูเป็นส่วนผสม นำมาปั้นเป็นก้อน ๆ ขนาดพอดีคำ ก่อนจะเอาไปนึ่งด้วยเตาโบราณ จากนั้นนำมาราดกับน้ำจิ้มฉบับชาวฮากกาโบราณ นอกจากวัฒนธรรมอาหารแล้ว ด้านสถาปัตยกรรมบ้านเรือนเก่าแก่ ก็เป็นจุดเด่นของชุมชนแห่งนี้ ซึ่งมีบ้านเก่าอายุ 150 ปี ที่พัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ให้นักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของชุมชนชาวฮากกา ในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา "เรามีบ้านหลังแรกของชุมชนฮากกา อายุ 150 ปี ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ร่วมกับคนในชุมชน ช่วยกันบูรณะเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้นักท่องเที่ยวได้มาศึกษาด้วย ตนมองว่าหากมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในชุมชนเพิ่มขึ้น จะช่วยให้ในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปอีก" จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง บ่อน้ำร้อนบ้านนากอ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรมชุมชนเก่า 100 ปี คนไทยเชื้อสายจีนชาวฮากกา คือ หนึ่งในต้นแบบความร่วมมือระหว่างชุมชนกับภาครัฐ ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เป็นการเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ตามนโยบายเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำมาซึ่งความสันติสุขอย่างยั่งยืน
แสดงความคิดเห็น