ขอขอบคุณภาพประกอบจาก slate.com
ครบรอบ 44 ปี โคลา ซูเปอร์ดีพ หลุมฝีมือมนุษย์ที่ลึกที่สุดในโลก โครงการขุดเจาะของสหภาพโซเวียต มีความลึกถึง 7.5 ไมล์ (หรือราว 12.07 กิโลเมตร)
เป็นเวลาเนิ่นนานที่นักธรณีวิทยาสามารถทำการศึกษาเรื่ององค์ประกอบของแผ่นเปลือกโลกได้จากเพียงทฤษฎีเท่านั้น เพราะการขุดเจาะแผ่นเปลือกโลกลงไปให้ลึก นับเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างยากมากสำหรับเทคโนโลยียุคปัจจุบันนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนว่าอดีตสหภาพโซเวียตจะไม่คิดเช่นนั้น จึงได้ผุดโครงการขุดเจาะเปลือกโลกให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ เมื่อปี ค.ศ. 1970 ภายใต้ความท้าทายว่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ นั้นจะสามารถขุดเจาะโลกใบใหญ่ไปนี้ได้ลึกที่สุดแค่ไหนกันหนอ และจากวันนั้นถึงวันนี้ หลุมที่ว่านี้ก็มีอายุครบ 44 ปีแล้ว กระปุกดอทคอมเลยขอนำเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลุมแห่งนี้มาฝากกั
สำหรับหลุมทีว่านี้มีชื่อหลุมว่า โคลา ซูเปอร์ดีพ (Kola Superdeep Borehole) เป็นหนึ่งในโครงการของนักวิทยาศาสตร์จากสหภาพโซเวียต ที่ต้องการแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาในการเดินทางไปให้ถึงใจกลางโลก โดยเริ่มการขุดเจาะที่คาบสมุทรโคลา ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) และสิ้นสุดการขุดในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) เมื่อแท่นขุดของพวกเขาเจาะผ่านชั้นหินได้ถึงระดับความลึกที่ 7.5 ไมล์ (หรือราว 12.07 กิโลเมตร) จากพื้นผิวโลก ซึ่งเป็นระดับความลึกที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถเข้าถึงได้ จากความหนาของเปลือกทวีปหนา 22 ไมล์ (ราว 35.4 กิโลเมตร) ในขณะที่โครงการโมโฮล (Mohole) ของสหรัฐอเมริกาซึ่งต้องการเจาะแผ่นเปลือกโลกนอกชายฝั่งเม็กซิโกนั้นกลับไปไม่ถึงฝัน เนื่องจากขาดงบประมาณ
จากโครงการขุดหลุม โคลา ซูเปอร์ดีพ ได้นำไปสู่การค้นพบทางธรณีที่น่าสนใจหลายอย่าง ดังเช่นที่นักวิจัยได้มีโอกาสได้ตรวจสอบฟอสซิลแพลงก์ตอนขนาดเล็ก ซึ่งขุดพบที่ระดับ 4 ไมล์ใต้พื้นผิวโลก เพราะตามปกติฟอสซิลนั้นมักจะพบได้ในหินปูนและซิลิกาที่มีการทับถมกัน แต่ไมโครฟอสซิลเหล่านี้ได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยสารอินทรีย์ และยังคงมีสภาพสมบูรณ์อย่างน่าประหลาด แม้จะอยู่ท่ามกลางความดันและอุณหภูมิที่สูงจากหินที่อยู่โดยรอบก็ตาม
ทั้งนี้ แม้ว่าโครงการขุดหลุม โคลา ซูเปอร์ดีพ จะหยุดลงตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 90 แต่จนถึงทุกวันนี้ โคลา ซูเปอร์ดีพ ก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นหลุมที่มีความลึกมากที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ โดยเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมตัวอย่างหินที่พบระหว่างการขุดเจาะซึ่งนำมาจัดแสดงได้ที่เมือง Zapolyarny ในรัสเซีย