

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Lyuba: Baby Mammoth of the Ice Age
ลูบ้า ซากลูกช้างแมมมอธถูกค้นพบที่ไซบีเรีย มีสภาพสมบูรณ์มาก นักวิทยาศาสตร์สนใจโคลนนิ่ง แต่ยังคิดไม่ตกเรื่องประเด็นทางจริยธรรมและความเหมาะสม
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า กระแสการปลุกปั้นโครงการโคลนนิ่งลูกช้างแมมมอธให้มีชีวิตขึ้นมากลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาอีกครั้ง หลังจากซากของลูกช้างแมมมอธ "ลูบ้า" ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างน่าเหลือเชื่อ ถูกค้นพบในเดือนพฤษภาคม 2007 และในปัจจุบันถูกเวียนนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลูบ้า (Lyuba) ลูกช้างแมมมอธจากยุคน้ำแข็งสมัยไพลสโตซีน อายุราว 42,000 พันปึ ถูกค้นพบโดยบังเอิญจากคนเลี้ยงสุนัขลากเลื่อนชาวไซบีเรีย ที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไซบีเรียที่แสนหนาวเหน็บ ผ่าอุปสรรคหลายด่านจนกระทั่งมันได้มาอยู่ในครอบครองของพิพิธภัณฑ์เชมานอฟสกี้ ที่เมืองซาเลกการ์ด ของเขตปกครองตนเองโอครุก แห่งรัสเซีย
ความสมบูรณ์อย่างน่าเหลือเชื่อของ ลูบ้า ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงอวัยวะภายนอกจะอยู่ในสภาพเดิมแทบทุกประการ (ยกเว้นขนเท่านั้นที่ผุเปื่อยไปหมดแล้ว) อวัยวะภายในก็ยังคงถูกถนอมไว้เป็นอย่างดีไว้ด้วยจุลินทรีย์ในแอ่งโคลนที่มันจมลงไป และกลายเป็นผืนน้ำแข็งยักษ์ในเวลาต่อมา ซึ่งช่วยแช่แข็งรักษาสภาพซากของลูบ้าได้อย่างยอดเยี่ยม ความสมบูรณ์ของลูบ้าจึงทำให้เกิดกระแสที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการทดลองโคลนนิ่งมันขึ้นมาอีกครั้ง และยังคงเป็นประเด็นที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้มาจนถึงบัดนี้
ดอกเตอร์วิคตอเรีย เฮอร์ริดจ์ จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติของอังกฤษ เผยว่า ด้วยความสมบูรณ์ของซากลูกแมมมอธตัวนี้ ได้สะกิดให้นักวิทยาศาสตร์เกิดความต้องการทดลองโคลนนิ่งลูกช้างแมมมอธขึ้นมา ซึ่งจะต้องใช้แม่ช้างเอเชียสำหรับฝากตัวอ่อน เพราะมีความใกล้เคียงของสายพันธุ์กับแมมมอธมากที่สุด อย่างไรก็ดีการทดลองนี้ยังติดขัดอยู่ที่หลายแห่ง ทั้งเรื่องความซับซ้อนในกระบวนการ และประเด็นเรื่องจริยธรรม ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วก็คงไม่ต่างอะไรกับการนำตัวอ่อนลูกชิมแปนซีมาฝากในครรภ์มนุษย์
นอกจากจากนี้ ดอกเตอร์วิกตอเรีย ยังกระตุ้นให้ขบคิดถึงความเหมาะสมในการทดลองโคลนนิ่งแมมมอธ ว่ามวลมนุษย์จะได้รับประโยชน์อะไรหรือไม่หากการทดลองได้ดำเนินไปหรือประสบผลสำเร็จ ซึ่งเธอเกรงว่าผลประโยชน์อาจตกอยู่กับเรื่องทางธุรกิจการค้ามากเสียกว่าผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยการละลายอย่างต่อเนื่องของน้ำแข็งขั้วโลก ทำให้เกิดธุรกิจการล่าซากช้างแมมมอธเพื่อนำงาของมันไปขาย และธุรกิจนี้กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ เฉพาะในประเทศจีนก็มีการซื้อขายงาช้างแมมมอธแล้วกว่า 60 ตัน
หากได้ชุบชีวิตให้ลูกแมมมอธอายุ 42,000 ปีตัวนี้มีชีวิตกลับขึ้นมาจริง ๆ ชีวิตของมันจะเป็นอย่างไร และจะอาศัยอยู่อย่างไรบนโลกของเราในสภาพปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นโจทย์ที่ตีไม่แตก และเป็นเหตุผลสำคัญที่การทดลองยังไม่เกิดขึ้นจริงจนถึงตอนนี้







