แอนนาเบล ตุ๊กตาผี เปิดตำนานความเฮี้ยนของจริงก่อนกลายเป็นภาพยนตร์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Thailand, เฟซบุ๊ก Annabelle, warrens.net
แอนนาเบล (Annabell) ตุ๊กตาผี เปิดตำนวนความเฮี้ยนตุ๊กตาแอนนาเบล เรื่องราวความหลอนที่เกิดขึ้นจริงจากปากของคู่สามีภรรยานักปราบผีและผู้ครอบ ครองตุ๊กตาคนปัจจุบัน ก่อนจะกลายเป็นภาพยนตร์ในปี 2014 เรื่องราวความเฮี้ยนที่เล่าขานก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร ไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองได้เลย
ในวาระที่ภาพยนตร์เขย่าขวัญ แอนนาเบล (2014) เบิกโรงมอบความหลอนให้คอหนังเขย่าขวัญกันไปแล้ว เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าตุ๊กตาผีที่โผล่มาเสริมอรรถรสความเขย่าขวัญเพียงชั่วครู่ชั่วคราวใน The Conjuring (2103) ก็กลายเป็นที่พูดถึงฮือฮาจนได้มีหนังเดี่ยวของตัวเองคลอดออกมาให้ชื่นชม และเชื่อได้เลยว่าหลายคนคงไม่พลาดจะไปตีตั๋วชมกันแน่ ๆ แต่ก่อนที่คุณจะได้ไปพบกับเรื่องราวสุดหลอนของแอนนาเบลในโรงภาพยนตร์ ลองมาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาจริง ๆ และตำนานความเฮี้ยนจนคนขยาดของตุ๊กตาแอนนาเบล ที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากจากเว็บไซต์ warrens.net เว็บไซต์ ของเอ็ดและลอเรน วอร์เรน (Ed and Lorraine Warren) คู่สามีภรรยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ และเป็นผู้ครอบครองคนปัจจุบันของตุ๊กตาเฮี้ยนตัวนี้
ดอนนาวางตุ๊กตาแอนนาเบลประดับไว้บนเตียงของเธอ มันดูน่ารักและปกติดีทุกประการ จนกระทั่งอีก 3-4 วันให้หลังเธอกับแองจี้ก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติกับมัน แอนนาเบลเหมือนสามารถขยับตัวได้ด้วยตัวเอง ท่าทางของแอนนาเบลตอนที่เธอวางไว้ครั้งสุดท้ายกับตอนที่เห็นมันล่าสุดกลับ เป็นคนละท่ากัน แถมหลัง ๆ ยังหนักข้อถึงขนาดย้ายห้องที่อยู่เองได้ แอนนาเบลที่ถูกวางทิ้งไว้บนเก้าอี้ก่อนที่ดอนนาจะออกไปทำงาน แต่เมื่อกลับห้องมาเธอพบกว่ามันได้ย้ายไปอยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอเสีย อย่างนั้น ซึ่งเธอก็มั่นใจด้วยว่าได้ปิดประตูห้องนอนเรียบร้อยดีแล้ว
ไม่เพียงการเปลี่ยนท่าทางและการเคลื่อนย้ายตัวเองได้ แอนนาเบลยังเขียนข้อความทิ้งไว้ให้เธอกับแองจี้เห็นด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่นำมันเข้ามาอยู่ด้วยได้ราวหนึ่งเดือน สาวทั้งสองพบกระดาษถูกเขียนด้วยดินสอในลายมือที่ดูเหมือนของเด็กว่า "ช่วยเราด้วย" (Help Us) "ช่วยลูที" (Help Lou) ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้นดอนนาและแองจี้มั่นใจว่าพวกเธอไม่เคยมีกระดาษโน้ตแบบนี้เก็บ ไว้ในห้องเลยแม้สักแผ่น
เรื่องราวของแอนนาเบลผ่านคำบอกเล่าของคนทรงช่างน่าสงสาร แอนนาเบล หรือ แอนนาเบล ฮิกกินส์ (Annabelle Higgins) เป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ที่เคยอาศัยอยู่ตรงนี้มาก่อน ก่อนที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมา เธอใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้อย่างมีความสุข ก่อนจะมีคนพบร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงแอนนาเบล วัย 7 ขวบ นอนตายอยู่ในสวนซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตึกพักอาศัยแห่งนี้เอง ตามคำกล่าวของคนทรงบอกว่า หนูน้อยแอนนาเบลรู้สึกถูกชะตาดอนนากับแองจี้ และอยากจะอาศัยอยู่กับพวกเธอ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวแล้วดอนนาก็รู้สึกสงสารและผูกพันกับแอนนาเบลขึ้น มา จึงตัดสินใจเก็บตุ๊กตาแอนนาเบลไว้กับตัวเองต่อไป
หลังจากได้รับรู้เรื่องราว ของแอนนาเบลจากคนทรงแล้ว เหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นก็น่าจะจบลงด้วยดี ทว่ามันก็ไม่เป็นอย่างนั้น แอนนาเบลกลับแผลงฤทธิ์ความเฮี้ยนใส่ลู (Lou) เพื่อนชายร่วมอพาร์ทเม้นท์คนหนึ่งของพวกเธอด้วย ลูเคยเตือนดอนนามานานแล้วว่า เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้และแนะนำให้เธอทิ้งมันไป ซึ่งแน่นอนว่าดอนนาไม่ได้ทำตาม
อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ลูได้พบกับอิทธิฤทธิ์ ความเฮี้ยนของแอนนาเบล ความเฮี้ยนยังตามรังควาญเขาอีกในวันถัดมาที่ลูกับแองจี้กำลังวางแผนเดินทาง เพื่อขับรถเที่ยวกัน ทั้งคู่นั่งดูแผนที่อยู่ในห้องที่อพาร์ทเม้นท์ และแล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักมาจากทางห้องนอนเหมือนมีคน พยายามงัดแงะอยู่ ทั้งคู่รอจนเสียงเงียบไป แล้วลูก็ค่อย ๆ ย่องออกไปดู ประตูห้องถูกเปิดออก ไฟถูกเปิดสว่าง ..แต่เขาก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทุกอย่างในห้องดูเรียบร้อยดี เว้นเสียแต่ตุ๊กตาแอนนาเบลล้มอยู่ตรงมุมห้อง ลูสืบเท้าเข้าไปใกล้มันยิ่งขึ้้น แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังยืนอ ยู่ด้านหลัง ลูหันขวับไปมอง แต่ก็ไม่พบอะไร แต่พอตอนหันหลังกลับมา ลูก็ถูกอะไรบางอย่างโจมตี เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือจับหน้าอกตัวเองแน่น พบว่าเสื้อตัวเองเป็นรอยฉีกเล็ก ๆ 7 รอย เป็นรอยทางขวาง 4 รอย และรอยตามยาวอีก 3 รอย ทุกรอยมีลักษณะเหมือนกับโดนเล็บเล็ก ๆ ข่วน มีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ นี่นับเป็นการแผลงฤทธิ์ครั้งรุนแรงที่สุดของแอนาเบล แต่อย่างไรก็ดีบาดแผลนี้ค่อย ๆ จางและหายไปหมดภายในเวลา 2 วัน
เอดและลอเรนให้ความสนใจเรื่องของตุ๊กตาแอนนาเบลมาก และติดต่อกลับไปหาดอนนาทันที หลังจากได้พูดคุยทั้งกับดอนนา แองจี้ และลูแล้ว สามีภรรยาคู่นี้ก็มั่นใจพอที่จะสรุปว่า สิ่งที่สิงตุ๊กตาตัวนี้อยู่ไม่ใช่วิญญาณเด็กน้อยแอนนาเบล ฮิกกินส์ แน่ แต่มันถูกบงการด้วยวิญญาณชั่วร้ายของปีศาจซาตานต่างหาก วิญญาณไม่สามารถสิงสิ่งไม่มีชีวิตได้ มันต้องสิงร่างมนุษย์ แต่มันก็สามารถวนเวียนผูกติดอยู่กับสถานที่หรือสิ่งของบางอย่างได้ แล้วการทำให้เกิดเรื่องลี้ลับขึ้นมา ดังเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นกับแอนนาเบล มันพยายามทำให้แอนนาเบลดูเหมือนมีชีวิตเพื่อให้คนสังเกตถึงการมีอยู่ของมัน และจะได้หาโอกาสเข้าครอบครองร่างมนุษย์ต่อไป
เอดและลอเรนอธิบายว่า เหตุการณ์เหมือนจะเป็นที่คาดเดาได้ว่าหลังจากแสดงความลี้ลับบางอย่างออกมา เจ้าของก็จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนทรง จึงเป็นโอกาสที่มันได้แสร้งทำเป็นวิญญาณเด็กหญิงที่น่าสงสาร เล่นกับความใจอ่อนของดอนนา เพื่อที่จะอนุญาตให้มันอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ต่อไปได้โดยสะดวก จากนั้นก็เริ่มสร้างเหตุการณ์น่าหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่การย้ายที่อยู่ได้เอง การเขียนโน้ตทิ้งไว้ การทำร้ายลู ทิ้งร่องรอยสัญลักษณ์ไว้บนตัวเขา สิ่งเหล่านี้เพื่อเขย่าขวัญให้เหยื่อหวาดกลัว ให้จิตใจมีแต่ความหวาดผวาอ่อนแอ เพื่อที่มันจะได้หาโอกาสเข้าสิงร่างมนุษย์ต่อไป และหากดอนนายังชะล่าใจปล่อยมันไว้อย่างนี้อีกเพียง 2-3 อาทิตย์ละก็ มันคงเข้าครอบงำมนุษย์ได้สำเร็จ จนอาจเกิดเหตุทำร้ายหรือแม้แต่ฆ่าผู้อยู่อาศัยในอพาร์ทเม้นท์คนอื่น ๆ ก็ได้
แม้อพาร์ทเม้นท์กลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยดังเดิมแล้ว หากแต่ความเฮี้ยนที่ติดกับตัวแอนนาเบลมายังคงไม่จากไปไหน มันแผลงฤทธิ์ใส่เอดและลอเรนขณะกำลังขับรถเดินทางกลับ รถของพวกเขาหวิดแหกโค้งที่ทุกหัวมุมอันตรายที่เลี้ยวไป จนในที่สุดเอดตัดสินใจหยุดรถ แล้วคว้าน้ำมนต์มาประพรมบนตัวตุ๊กตาสุดหลอนเป็นรูปไม้กางเขน จึงสามารถขับรถกลับถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย
แต่ดูท่าน้ำมนต์ก็ยับยั้งความเฮี้ยนของแอนนาเบลได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เอดวางมันไว้ที่เก้าอี้้ข้างโต๊ะทำงานของเขา แต่ก็ได้พบว่าบางครั้งมันลอยตัวอยู่เหนือเบาะเก้าอี้ หลายครั้งก็ย้ายที่ไปอยู่ตามห้องต่าง ๆ เองตอนที่พวกเขาไม่อยู่บ้าน ทั้งยังคอยจ้องมองคนที่ผ่านไปมาด้วยสายตาเกลียดชัง
นอกจากการแผลงความเฮี้ยนประปรายดังที่ได้กล่าวแล้ว แอนนาเบลยังจัดการล้างแค้นใครก็ตาม ที่มาท้าทายมัน หนึ่งในนั้นคือบาทหลวงเจสัน แบรดฟอร์ด ที่แวะมาเยี่ยมเอดและลอเรน แต่ไปพูดใส่แอนนาเบลว่า "เจ้ามันก็แค่ตุ๊กตาผ้า แอนนาเบล แกทำร้ายใครไม่ได้หรอก" หลังจากเอ่ยคำนี้ออกมา เอดก็ติงว่าเขาไม่ควรพูดจาอย่างนั้นกับแอนนาเบลเลย พร้อมรีบเชิญกลับและกำชับให้เดินทางระมัดระวัง ด้วยห่วงว่าอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับเขา แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด ในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลังบาทหลวงเจสันโทรกลับมาบอกว่า เกือบเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งกลางถนน เพราะอยู่ ๆ รถก็เกิดเบรคแตกขณะอยู่กลางสี่แยกที่พลุกพล่าน โชคดีที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด ..ไม่อยากจะคิดเลยว่าอุบัตินี้เกิดเพราะแรงอาฆาตของแอนนาเบลจริงหรือไม่
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นมา เอดและลอเรนก็จัดการสร้างกล่องพิเศษขึ้นสำหรับใส่แอนนาเบลโดยเฉพาะ ซึ่งเธอก็ยังคงนั่งอยู่ในนั้น ที่ออคคัลท์ มิวเซียม (Occult Museum) ของเอดและลอเรน วอร์เรน มาจนถึงทุกวันนี้
และแล้วคำท้าทายก็สำแดงผลตอบโต้แบบทันใจ หนุ่มสาวคู่นี้ประสบอุบัติเหตุขับมอเตอร์ไซค์พุ่งชนต้นไม้ระหว่างเดิน ทางกลับ ฝ่ายชายเสียชีวิตคาที่ ส่วนฝ่ายหญิงเจ็บหนักต้องนอนรักษาตัวอยู่เป็นปี เมื่อถูกถามถึงว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เธอตอบว่ากำลังหัวเราะขบขันเรื่องตุ๊กตากันอยู่ แล้วจู่ ๆ รถก็บังคับไม่ได้พุ่งเข้าชนต้นไม้ยับเยิน
ความเฮี้ยนของแอนนาเบลตามตำนานที่เกิดขึ้นจริง ๆ ที่เล่าขานกันมาจบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่ตำนานฉบับภาพยนตร์นั้นเพิ่งจะเริ่มเบิกโรงไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา หากอยากรู้ว่าความเฮี้ยนฉบับไหนจะหลอนลึกจับจิตจับใจกว่ากัน ไปพิสูจน์กันได้กับ "Annabelle ตุ๊กตาผี" ในภาพยนตร์ตอนนี้เลย ..และอย่าลืมว่า โปรดอย่าท้าทายเธอ !