วาฬเพชฌฆาตดำ เกยตื้นที่สงขลา เสียชีวิตแล้ว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก matichon tv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
วาฬเพชฌฆาตดำ เกยตื้นที่สงขลา เสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่สุดยื้อหลังพยายามรักษากว่า 8 วัน ผ่าพบถุงเศษถุงปุ๋ย เศษเชือกป่านที่ใช้ในการทำประมง ในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จ.สงขลา และสัตว์แพทย์จากสถาบันวิจัยชีววิทยาจังหวัดภูเก็ต ได้ให้การดูแลรักษา วาฬเพชฌฆาตดำ ขนาด 3.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ซึ่งว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นและมีอาการป่วย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 นั้น
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 พฤศจิกายน 2557) ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า วาฬเพชฌฆาตดำตัวดังกล่าวได้เสียชีวิตลงแล้ว วานนี้ (7 พฤศจิกายน) ท่ามกลางความเสียใจของเจ้าหน้าที่ที่พยายามช่วยเยื้อชีวิตวาฬเพฌชฆาตอย่างสุดความสามารถถึง 8 วันเต็ม
โดย นายสันติ นิลวัตร นักวิชาการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้นำซากวาฬตัวดังกล่าวขึ้นมาบนฝั่งเพื่อทำการผ่าพิสูจน์ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ ผลสรุปเบื้องต้นพบสาเหตุที่ทำให้วาฬมีปัญหาผิดปกติในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ โดยพบเศษถุงปุ๋ย เศษเชือกป่านที่ใช้ในการทำประมง และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ติดอยู่ในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ นำไปสู่การหายใจติดขัดและมีปัญหาในการกินอาหาร จนทำให้วาฬตัวดังกล่าวไม่มีเรี่ยวแรงว่ายน้ำ ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นชายฝั่ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะนำซากวาฬตัวดังกล่าวไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างต่อไป
ด้าน นายวชิรพงษ์ สกุลรัตน์ ประธานชมรมพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขนอม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่าทั้งโลมาและวาฬ ที่อาศัยอยู่ในอ่าวไทยและมาเสียชีวิตที่นครศรีธรรมราช เฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าปีละ 30 ตัว และจากการผ่าซากพิสูจน์พบว่าส่วนใหญ่ในกระเพาะอาหารมีเศษกระสอบป่าน กระสอบปุ๋ย เชือกป่านในทะเล ถามว่าคนปกติจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงทะเลเองได้หรือ และกลุ่มคนที่ทิ้งก็ต้องเป็นชาวประมงอย่างแน่นอน และเหตุใดถึงต้องทิ้งขยะเหล่านี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
