เจาะลึก เดอะยูนิค สาทร ตึกร้างผีสิงกลางกรุง

เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพจาก Jonathan Burr

           ในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีใครไม่รู้จัก "เดอะยูนิค สาทร" ตึกร้างสูง 50 ชั้น ย่านสาทร ตรงข้ามวัดยานนาวา กทม. ซึ่งโด่งดังจากการที่นักถ่ายภาพรายหนึ่ง ได้เดินทางไปบนอาคารเพื่อถ่ายภาพมุมสูง

           แต่กลับพบเจอศพในสภาพผูกคอ บริเวณชั้นที่ 43 ของอาคาร จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่กลับไม่มีผู้รับสาย พร้อมระบุว่าเจ้าหน้าที่ไม่ใส่ใจในการตรวจสอบเท่าที่ควร

           จากนั้นเมื่อกลับบ้านจึงได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่ง เพื่อเล่าประสบการณ์ระทึกที่คนได้พบ หลังจากนั้นได้ติดต่อเพื่อเข้าไปตรวจสอบร่วมกับทาง จส.100 อีกครั้งหนึ่ง จนพบศพ Mr. Stig Johan Kristian Hammarsten นักท่องเที่ยวชาวสวีเดน

           ล่าสุด สถาบันนิติเวชได้เปิดเผยผลชันสูตรศพว่าเป็นการผูกคอตายเอง ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย และสถานทูตสวีเดนได้ติดต่อประสานมาเพื่อขอตรวจสอบเอกลักษณ์ต่อไป

           จากกรณีที่เกิดขึ้น หลายคนจึงอยากทราบที่มาที่ไปของตึกร้างแห่งนี้ ว่ามีประวัติอย่างไร ทำไมถึงร้าง เป็นตึกของใคร และทำไมถึงมีคนชอบขึ้นไปสำรวจซากตึกสูงลิบแห่งนี้

           จากข้อมูลของ สำนักข่าวอิศรา ระบุว่า อาคารสาธร ยูนิค ทาวน์เวอร์ นั้นตั้งอยู่ย่านถนนเจริญกรุง เป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบปัญหาด้านเงินลงทุนก่อสร้างในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ

           โครงการดังกล่าวพัฒนาโดยนายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ เดิมมีแนวคิด พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม สูง 47 ชั้น จำนวน 600 ยูนิต ราคาขาย 20,000-30,000 บาท/ตร.ม. เปิดตัวตั้งแต่ปี 33 แต่ติดปัญหาสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ ทำให้โครงการยุติลง ต่อมา ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อโครงการดังกล่าวจาก องค์กรเพื่อปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) หลังจากบล.ไทแม็กซ์ฯ เจ้าหนี้รายใหญ่ถูกปิดกิจการและขายทอดตลาดโครงการดังกล่าว


           นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตย์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2525 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 266/14-15 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบสถาปัตย์ ปรากฏชื่อ นาย รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

           ทั้งนี้ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2557  มีทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ  ถือหุ้นใหญ่สุด 6,996 หุ้น มูลค่า 6,996,000 บาท นาย ตามโพธ ต่อสุวรรณ นาย พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ และนาย วิลเฟรโด ซาราเบีย ชาวริน คนฟิลิปปินส์ ถือหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น มูลค่า 1,000,000 บาท นาย เฉลิมชัย นิยมพลานึก และนาย อัมพร นิยมพลานึก ถืออยู่ คนละ 2 หุ้น มูลค่า 2,000 บาท

           โดยตัวเลขการนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ระบุว่า มีรายได้รวม 1,841,326.29 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,131,736.43 บาท

           นอกจากนั้น ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก "อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก" ได้ระบุว่า นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ ได้ส่งไม่ต่อลูกชายแก้หนี้ตึก สาธร ยูนิค 25 กุมภาพันธ์ 2551 สาธร ยูนิค ทาวน์เวอร์ ย่านถนนเจริญกรุง โดยเป็นคอนโดมิเนียม สูง 47 ชั้น จำนวน 600 ยูนิต ราคาขาย 20,000-30,000 บาท/ตร.ม. เปิดตัวตั้งแต่ปี 2533 แต่ติดปัญหาสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ ทำให้โครงการยุติลง การเงิน (ปรส.)

           หลังจากบล.ไทแม็กซ์ฯ เจ้าหนี้รายใหญ่ถูกปิดกิจการและขายทอดตลาดโครงการ นายพรรษิษฐ์ จึงได้เข้ามาสะสางปัญหาของสาธร ยูนิคในปี 2546 จนถึงปัจจุบัน การเจรจาสรุปลงตรงที่ จะนำอาคารดังกล่าวขายให้แก่นักลงทุนในราคาประมาณ 1,800 ล้านบาท และนำเงินดังกล่าวใช้คืนเจ้าหนี้ ซึ่งได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน ประมาณ 500 ล้านบาท หนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทสี่พระยา จำกัด ประมาณ 100 ล้านบาท และในส่วนของลูกค้าอีกกว่า 600 ล้านบาท ขณะนี้ก็ยังเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

           อย่างไรก็ตาม ในอดีต ตึกร้างแห่งนี้ เป็นที่รู้กันระหว่างผู้นิยมถ่ายภาพว่าเป็นตึกที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะแก่การถ่ายภาพโค้งน้ำเจ้าพระยา


           ส่วนอีกกลุ่มที่มักจะเดินทางมายังตึกแห่งนี้ ก็คือ กลุ่มผู้ที่ชอบสำรวจตึกร้างเพื่อตามหาสิ่งเร้นลับ ต่างก็ชอบเดินทางแวะเวียนเข้ามาสำรวจในเวลากลางคืนอยู่เสมอ รวมไปถึงวัยรุ่นกลุ่มอื่น ๆ ที่มักจะเข้ามาเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมอยู่บ่อยครั้ง โดยการที่จะเข้าตึกได้นั้น ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้ดูแลของตึกเสียก่อน ในราคาตั้งแต่ 100-1,000 บาท

           โดยในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มิเชล ลินน์ ดินห์ บล็อกเกอร์ชื่อดัง เผยแพร่สกู๊ปการสำรวจตึกร้างในกรุงเทพผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว ทำให้มีชาวต่างชาติ เดินทางมายังตึกร้างแห่งนี้จำนวนมากขึ้น พร้อมกับมีการเผยแพร่ภาพมุมสูงที่มีความสวยงามจากตึกแห่งนี้ในโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนหนึ่งได้เตือนถึงเรื่องของความปลอดภัยว่าควรระมัดระวังตัวให้มากขณะอยู่บนตึกเพราะค่อนข้างเปลี่ยวและอันตราย

           จนกระทั่ง ล่าสุดตึกแห่งนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกครั้ง หลังพบศพชาวต่างชาติในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา และกำลังปรากฏเป็นข่าวดัง ที่หลายคนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้!