
เอ้ ณัฐวัตร หนุ่มช่างภาพ พบศพบนตึกร้างสาทร แนะปรับปรุงการรับแจ้ง 191
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
เอ้ ณัฐวัตร วเสถียร หนุ่มช่างถ่ายภาพพลเมืองดี พบศพบนตึกร้างสาทร รับเสียใจที่ถูกมองว่าสร้างเรื่องขึ้นมา แนะปรับปรุงการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191
จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา นายณัฐวัตร วเสถียร หรือ เอ้ อายุ 33 ปี ช่างภาพสมัครเล่น ที่ก่อนหน้านี้ได้พบศพคนผูกคอตายที่ตึกร้างสาทรยูนิคทาวเวอร์ ตรงข้ามวัดยานนาวา ขณะขึ้นไปถ่ายภาพ และด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งลงมาข้างล่าง แล้วได้พยายามโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายณัฐวัตรบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้นั้น
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 ธันวาคม 2557 รายการเจาะข่าวเด่น ช่อง 3 ได้พูดคุยกับคุณเอ้ ณัฐวัตร วเสถียร ถึงกรณีการพบศพบนตึกร้างย่านสาธร โดยคุณเอ้ ณัฐวัตร เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนได้เดินทางไปที่ตึกร้างสาทรยูนิคทาวเวอร์ เพื่อเดินขึ้นไปเก็บภาพวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูง และก่อนหน้านี้ ตนได้เคยเดินทางมาถ่ายภาพจากบนตึกร้างสาทรยูนิคทาวเวอร์ถึง 2 ครั้งแล้ว โดยในครั้งแรกตนมาในช่วงกลางวัน และครั้งที่ 2 มาช่วงกลางคือ เพื่อถ่ายภาพแสงสีกรุงเทพฯ ยามราตรี

ส่วนการเดินทางมาถ่ายภาพมุมสูงจากบนตึกร้างสาทรยูนิคทาวเวอร์ ครั้งที่ 3 นั้น ห่างจากครั้งที่ 2 ประมาณ 1 อาทิตย์ เมื่อมาถึงตึกร้างสาทรยูนิคทาวเวอร์ ตนก็ค่อย ๆ เดินขึ้นไปถ่ายรูปอีกครั้ง กระทั่งตนถ่ายภาพวิวจากชั้นบนสุดเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เดินลง และด้วยความที่ตนคิดว่า คงไม่เดินทางไปถ่ายภาพที่ตึกแห่งนี้อีกแล้ว จึงตัดสินใจเดินสำรวจตามหน้าห้องพักในแต่ละชั้น จนมาถึงหน้าห้องหนึ่งพบว่ามีกระป๋องเบียร์ และถุงผ้าวางอยู่ ตนจึงลองเดินเข้าไปดูภายในห้องดังกล่าว ก็ได้พบศพคนผูกคอตายอยู่ภายในห้อง ตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมาก พอตั้งสติได้ก็ตัดสินใจหันหลังรีบเดินลงบันไดทันที แต่ไม่กล้าวิ่ง เพราะทางชันมาก

เมื่อลงมาถึงด้านล่างของตึก ตนได้รีบตรงไปที่ตู้โทรศัพท์ทันที เพื่อโทรแจ้งศูนย์กู้ชีพนเรนทร เนื่องจากเจอสติ๊กเกอร์ติดอยู่ที่โทรศัพท์ แต่เจ้าหน้าแนะนำให้ตนไปแจ้งเรื่องกับตำรวจก่อน ตนจึงได้พยายามโทรไปที่ 191 แต่ก็ไม่ติด จึงได้เดินไปหาตำรวจที่ป้อมตำรวจในบริเวณนั้น ก็ไม่พบใคร คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะออกไปทำธุระข้างนอก ตนจึงย้อนกลับไปที่ตู้โทรศัพท์อีกครั้ง และลองโทรไปที่เบอร์ 199 โดยในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขอชื่อของตนไว้และรับปากว่าจะช่วยประสานงานต่อให้ พร้อมแนะนำให้ตนโทรไปที่เบอร์ 193 ตอนนั้นตนได้แต่คิดในใจตนคิดว่า ทำไมต้องโบ้ยกันไปมาแบบนี้ด้วย สุดท้ายตนลองโทรไปที่เบอร์ 193 ปรากฏว่าไม่ติดอีกเช่นกัน
หลังจากนั้น ตนตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน แต่ด้วยความกังวลพอลงจากรถไฟฟ้า bts ตนก็เดินไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในป้อมตรงบริเวณนั้นอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับฟังเรื่องที่ตนเล่า พร้อมบอกว่า สถานที่เกิดเหตุอยู่คนละเขตกับตน จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงต่อ พอได้ยินแบบนั้น ตนรู้สึกเสียใจมาก และคิดว่าในเมื่อก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกัน แม้จะอยู่คนละเขตก็น่าจะติดต่อประสานงานกันได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำ
เมื่อตนกลับมาถึงบ้าน ก็ยังกังวลใจเรื่องศพบนตึกร้างสาทรอยู่ และไม่รู้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ไปนำศพดังกล่าวลงมาหรือยัง ตนจึงนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาไปโพสต์ใน www.pantip.com ซึ่งคอมเม้นท์ใน Pantip ส่วนใหญ่มองว่า ตนกุเรื่องขึ้นมา แถมยังมีคนแนะนำให้ตนนำเรื่องดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ตนยืนยันว่าไปเจอศพมาจริง ๆ
แต่ก็โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ จส.100 ที่ประสานงานกับตนเรื่องศพบนตึกร้างสาทร จนกระทั่งเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้เดินทางไปยังตึกร้างสาทร เพื่อตรวจสอบเรื่องที่ตนเล่า แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไม่พบศพ เพราะตนแจ้งไว้ว่า พบศพที่ชั้น 30 กว่า ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งค้นหาถึงแค่ชั้น 30-39 เท่านั้น เมื่อได้ยินดังนั้น ตนแจ้งกับเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งทันทีว่า ตนจะเดินทางไปร่วมค้นหาศพด้วย ขอให้รอตนอยู่ที่ตึกร้างสาธรก่อน

เมื่อเดินทางไปถึง ตนได้ชักชวนพี่ ๆ เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเดินขึ้นไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยครั้งนี้เดินไล่จากชั้น 26 ขึ้นไป จนพบศพชายชาวสวีเดนผูกคอตายที่ชั้น 43 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ช่วยกันนำศพชายชาวสวีเดนลงมา
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว และทราบว่า เสียชีวิตมาแล้ว 7 วัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี คุณเอ้ ณัฐวัตร ยังฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรับปรุงการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191 เพราะหากเกิดเหตุอะไรขึ้น สิ่งแรกที่ประชาชนนึกถึงคือตำรวจ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








