
สตช. แถลงรวบ 6 เครือข่าย บรรพต แก๊งผลิตสื่อหมิ่นสถาบันฯ รายใหญ่


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โฆษก สตช. แถลงรวบ 6 เครือข่ายหมิ่นสถาบัน "บรรพต" เผยทำเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่ชัด ตั้งแต่ผู้นำสั่งการถึงแนวร่วมสนับสนุนการเงิน พร้อมเตือนผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่มีข้อมูลสาวถึงตัวได้ แนะเลิกก่อนโดนจับ
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยในการแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในคดีเกี่ยวกับความมั่นคงในเครือข่ายบรรพต ว่า สืบเนื่องจากในปัจจุบันได้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ตในการกระทำความผิดกฎหมาย ในลักษณะเป็นการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความวุ่นวาย และความเกลียดชังขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการหมิ่นสถาบันฯ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงมีบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันหาตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาลงโทษตามกฎหมาย
ทั้งนี้ จากการติดตามและสืบสวนของหน่วยงานความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติการณ์บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยใช้ชื่อว่า "เครือข่ายบรรพต" ซึ่งเป็นการรวมบุคคลที่มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย แบ่งหน้าที่ทำงานโดยการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวคิด ไปสู่ประชาชนชาวไทยเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ดังกล่าว
โดยมีระดับชั้นของการทำงานและการสั่งการเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นผู้นำ เป็นผู้กำหนดแนวคิดในการผลิตสื่อซีดี คลิปเสียง และบทความ ระดับผู้ปฏิบัติงานซึ่งรับฟังและช่วยกันเผยแพร่แนวคิดตามเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น เฟสบุ๊ก ยูทูบ และบล็อกเกอร์ สุดท้ายคือระดับแนวร่วมมีหน้าที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน รวมทั้งเผยแพร่แนวคิดไปในวงกว้างส่งผลให้มีบุคคลที่หลงเชื่อจำนวนหนึ่ง
โฆษกสตช. กล่าวต่อไปว่า จากการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถขยายผลสืบสวนจนสามารถจับกุมดำเนินคดีบุคคลในเครือข่ายบรรพต ในระดับผู้ปฏิบัติงาน ได้ จำนวน 6 คน ได้แก่




มีพฤติการณ์เป็นบุคคลสำคัญในการเผยแพร่ข้อความ รูปภาพ หรือคลิปต่าง ๆ ที่มีลักษณะหมิ่นสถาบัน


โดยในรายของ นางอัญชัญ ปรีเลิศ และนายธารา วานิชพงษ์พันธุ์ ได้มีการนำตัวไปดำเนินคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในชั้นนี้ได้มีพยานหลักฐานทั้งจากข้อมูลการติดต่อสื่อสาร หรือพยานหลักฐานที่สำคัญอื่น ๆ ที่ชัดเจน ผู้ต้องหาจึงจำนนต่อหลักฐานให้การรับสารภาพ และจากการสืบสวนพบว่าบุคคลในการกลุ่มเครือข่ายนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ แบ่งหน้าที่กันดำเนินการมีการพบปะ หรือประชุมลับกันอยู่เป็นระยะ และพยายามจะใช้ข้อมูลจริงเพียงบางส่วนมาผสมผสานกับข้อมูลเท็จ หรือใช้สถานการณ์ที่ผ่านไปแล้วที่ไม่อาจกลับไปย้อนดูได้ มาทำให้คนหลงเชื่อในทางที่ไม่ถูกต้อง
พล.ต.ท. ประวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บงการที่ใช้ชื่อว่า บรรพต นั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ขณะนี้ได้หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ในการผลิตสื่อที่มีลักษณะหมิ่นสถาบันฯ แล้วนำมาให้เครือข่ายเผยแพร่ ทั้งนี้ฟากถึงผู้ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายบรรพตนี้ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงิน หรืออุดหนุนสินค้าต่างๆ ที่นำมาจำหน่าย ขอให้งดการกระทำดังกล่าวเสียเนื่องจากอาจมีความผิดร่วมด้วย นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนในเครือข่ายนี้บางส่วนได้หลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป



