
แฟ้มภาพ
พบอีกแล้ว กระทิงป่าผสมข้ามพันธุ์กับวัวแดงจนออกลูกรุ่นที่ 2 ผู้เชี่ยวชาญชี้ สัตว์ข้ามพันธุ์ส่วนใหญ่จะเป็นหมัน ซึ่งกรณีนี้เป็นที่น่าจับตามอง แต่หวั่นกระทบระบบนิเวศ
หลังจากเป็นที่ฮือฮาไปเมื่อต้นปี ในกรณีของกระทิงป่าหลงฝูงเข้ามาผสมพันธุ์กับวัวบ้านพันธุ์พื้นเมืองจนออกลูกกว่า 11 ตัว ในอำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น [อ่านข่าวกระทิงป่าพบรักแม่วัวพันธุ์พื้นเมือง ตกลูกผสม 11 ตัว ที่ชุมพร คลิก]
ล่าสุด (11 กุมภาพันธ์ 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้รายงานเกี่ยวกับกรณีคล้ายกันว่า นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ได้แจ้งมาว่า ขณะนี้ได้พบว่ามีสัตว์สองชนิดที่อยู่ในสกุลวงศ์เดียวกัน ได้มาผสมพันธุ์กันคือ กระทิงและวัวแดง
โดยกระทิงเพศผู้ ได้ผสมกับวัวแดงเพศเมีย จนตกลูกออกมาเป็นลูกครึ่งกระทิงและวัวแดงเพศเมีย นอกจากนั้นยังพบสิ่งที่น่าสนใจคือ ลูกครึ่งกระทิงวัวแดงตัวนี้ได้ไปผสมพันธุ์กับวัวแดงเพศผู้ จนตั้งท้องและล่าสุดได้ตกลูกมาแล้วอีก 1 ตัวเป็นรุ่นที่ 2
อย่างไรก็ตามกรณีของสัตว์ที่ผสมข้ามพันธุ์กัน ยกตัวอย่างเช่น ลากับม้า เสือกับสิงโต ลูกที่ออกมาจะมีความผิดปกติด้านระบบสืบพันธุ์คือเป็นหมันนั่นเอง แต่ในกรณีของลูกครึ่งกระทิงและวัวแดงนั้น มีลักษณะพิเศษคือ สามารถสืบพันธุ์ได้
ทั้งนี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะโดยธรรมชาติแล้วสัตว์สองชนิดนี้จะไม่มาผสมพันธุ์กัน ซึ่งต้องศึกษาต่อไปว่าเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้อย่างไร ขณะนี้ได้ตั้งชื่อชนิดของวัวลูกผสมชนิดใหม่นี้เป็นการชั่วคราวว่า กระทิงแดง
ทางด้าน นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า การผสมข้ามชนิดพันธุ์เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์เป็นสัตว์ที่มีโครโมโซมใกล้ชิดกันมาก ที่ผ่านมาประเทศมาเลเซียก็เคยมีโครงการผสมพันธุ์ระหว่างกระทิงกับวัวบ้าน แต่ลูกที่ออกมานั้นก็มีระบบสืบพันธุ์ที่อ่อนแอ หากเทียบกับกรณีนี้ที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย สัตว์ข้ามพันธุ์สามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้
ขณะเดียวกัน นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังศึกษาว่ากรณีดังกล่าวจะเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศหรือไม่ ซึ่งควรมองถึงผลระยะยาว






