แชร์ว่อน ภาพอ้างเด็กอมสายชาร์จมือถือ ไฟดูดตาย ล่าสุด อ.เจษฎา ออกโรงเคลียร์เป็นไปได้จริงหรือ ชี้เป็นเรื่องอันตราย ไม่ควรประมาท
กลายเป็นภาพที่สร้างความงุนงงสงสัยให้กับชาวเน็ตจำนวนไม่น้อย เมื่อมีการแชร์ภาพของชายชาวต่างชาติที่กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงที่ดูแล้วสภาพไม่ปกติ พร้อมข้อความระบุทำนองว่า หนูน้อยหยิบเอาสายปลายชาร์จด้านที่เสียบโทรศัพท์มาอม ทั้ง ๆ ที่ปลายสายอีกด้านยังเสียบปลั๊กอยู่ ทำให้เธอถูกไฟดูดจนเสียชีวิต
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2558) ผศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ออกมาให้คำตอบเพื่อคลายข้อสงสัยผ่าน เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า เรื่องราวกับภาพ ๆ นี้ เป็นเรื่องหลอกลวง ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะภาพดังกล่าวเป็นภาพของเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงในอิรัก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ประเด็นการอมสายชาร์จมือถือก็เคยเกิดขึ้นจริง และไม่ควรประมาท โดยมีข้อความทั้งหมดดังนี้
"เรื่องลูกสาว อมสายชาร์จมือถือ แล้วไฟดูดตาย ... เป็นเรื่องหลอกลวง สร้างขึ้นมาครับ"
รูปชายอุ้มศพลูกสาวที่แชร์กันนี้ แล้วอ้างว่าตายเนื่องจากไฟช็อต เพราะเอาสายชาร์จมือถือที่เสียบปลั๊กทิ้งไว้มาอม ... ความจริงแล้ว ไม่เกี่ยวเลย เพราะเป็นรูปของเด็กที่เสียชีวิตเนื่องจากเหตุยิงกันที่อิรัก
แล้วถ้าเด็กที่บ้านเรา เอาสายชาร์จมาอมจริง ๆ จะเป็นอย่างไร ... ที่ชาร์จมือถือ ปรกติจะแปลงไฟบ้านจาก 220 โวลต์ ให้ไฟออกมาเป็น 5 โวลต์ จึงไม่น่าจะอันตรายมาก อาจจะรู้สึกได้ถึงไฟช็อตแปร๊บ ๆ แบบเอาถ่าน 9 โวลต์มาแตะลิ้นเล่น
กระนั้นก็อย่าประมาท เพราะถ้าแท่นชาร์จเป็นของปลอม ของไม่มีคุณภาพ ก็อาจจะเกิดเหตุไฟรั่ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ในต่างประเทศ ก็มีกรณีเด็กอมปลายสายชาร์จนี้อยู่เรื่อย ๆ (แต่รีบเอาออกจากปากเด็ก) โดยไม่มีรายงานถึงอันตราย http://community.babycenter.com/post/a23759649/my_son_put_the_charger_in_his_mouth
แต่มีกรณีที่ถึงกับเกิดแผลไหม้ในปากจากการอมสาย USB ที่ต่อจากโน้ตบุ๊กครับ http://www.denverpost.com/ci_14145613 เพราะฉะนั้น ก็ควรระวังลูกหลานให้ดีนะครับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant