เรื่องของปลอมของเลียนแบบขอให้วางใจพี่จีนได้เลย จะงานเล็กงานใหญ่พี่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ก๊อปกันจริงจังไม่ใช่แค่ของใช้ แต่ยังลามไปของกินด้วย วันนี้เราจึงได้รวบรวม 10 อาหารก็อปขั้นเทพของจีน ที่เว็บไซต์ listverse เขารวบรวมเอาไว้มาฝากกัน มันจะทำให้คุณทึ่งอึ้งกิมกี่ จนต้องคิดหน้าคิดหลังระแวดระวังให้ดี ๆ ก่อนจะหม่ำอะไรลงไป !!
1. ข้าวปลอม
อาหารหลักของเหล่าชาวเอเชีย อย่าง "ข้าว" จีนก็ก๊อปกันเนียน ๆ มาแล้ว โดยข้าวปลอมนั้นได้มาจากส่วนผสมระหว่างมันฝรั่ง มันเทศ และเรซิน จากนั้นนำไปหล่อในพิมพ์รูปเมล็ดข้าว ก็จะได้ข้าวสารเม็ดสวยหน้าตาไม่ต่างจากของจริง ทว่าข้าวเก๊นี้แข็งอย่างกับหิน และแม้จะผ่านกระบวนการหุงสุกแล้วก็ยังไม่นิ่มลงเท่าใดนัก นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก เพราะหากกินข้าวเก๊สักสามถ้วยก็เท่ากับคุณได้กินถุงพลาสติกเข้าไป 1 ใบเต็ม ๆ โดยข้าวใปลอมที่ว่านี้แอบวางขายกันแพร่หลายในเมืองไท่หยวน มณฑลส่านซี
แต่ที่ฉาวกว่านั้นเห็นจะเป็นข้าวถุงยี่ห้อ "หู่ชั่ง" ที่เดิมทีก็ทำข้าวสารดี ๆ ขาย แถมแพ็กบรรจุถุงพิมพ์โลโก้อย่างดี แบบนี้ผู้บริโภคก็มั่นใจว่าจะได้ของดีมีคุณภาพ ทว่าไป ๆ มา ๆ ผู้ผลิตหัวใสแต่ใจสกปรกกลับผสมข้าวปลอมลงไปในข้าวจริงเฉยเลย เมื่อเรื่องถูกเปิดโปงก็พบว่าโรงงานหู่ชั่งสีข้าวจริงเพียงปีละ 800,000 ตัน ในขณะที่ขายข้าวได้ปีละ 10 ล้านตัน ส่วนต่างที่เหลืออีกกว่า 9 ล้านตันนั้น เป็นข้าวเก๊ !!
2. เนื้อแกะปลอม
เมื่อมีข้าวปลอมแล้วก็ต้องมีกับข้าวปลอมบ้าง การปลอมแปลงวัตถุดิบประกอบอาหารก็เลยตามมาติด ๆ ด้วยการปลอมเนื้อแกะ โดยนำเนื้อหนู เนื้อตัวมิงค์ และเนื้อสุนัข ซึ่งหาได้ง่ายและมีราคาถูกกว่ามาทำเป็นเนื้อแกะ และใส่ส่วนผสมอย่างไนเตรต เจลาติน และคาร์มีนลงไป การทำเนื้อแกะปลอมนั้นเป็นที่นิยมขนาดไหนดูเอาจากจำนวนผู้ค้าที่ถูกจับก็น่าจะบอกได้ เจ้าหน้าที่สามารถจับได้ถึง 900 คน พร้อมกับเนือกแกะปลอมของกลางอีกกว่า 20,000 ตัน
ทางการจีนถึงกับต้องให้ความรู้ประชานให้รู้เท่าทันเนื้อแกะปลอมที่นำมาวางขาย ด้วยการโพสต์ข้อมูลลงในไมโครบล็อกกิ้งของจีนบอกความแตกต่างและโพสต์ภาพให้เห็นกันชัด ๆ โดยเนื้อแกะจริงนั้นส่วนที่เป็นเนื้อสีแดงและมันสีขาวจะเชื่อมกันเป็นเนื้อเดียวไม่แยกออกจากกัน ต่างจากเนื้อปลอมที่เมื่อหั่นหรือเขี่ยดู ชั้นมันสีขาวจะแยกออกจากเนื้ออย่างชัดเจน
ของจริง
ของปลอม
3. เต้าหู้ปลอม
แม้แต่ "เต้าหู้" เป็นอาหารอีกชนิดที่ชาวจีนชื่นชอบ ก็ถูกรังสรรค์ปั้นแต่งเลียนของจริงขึ้นมาเช่นกัน โดยเต้าหู้จริงนั้นผลิตมาจากน้ำเต้าหู้แท้แล้วใส่สารที่ทำให้แข็งตัว ในขณะที่เต้าหู้ปลอมได้มาจากการผสมโปรตีนถั่วเหลืองเข้ากับแป้ง ผงชูรส และสารแต่งสี เคยมีโรงงานผลิตเต้าหู้ปลอมอาศัยกรรมวิธีนี้แล้วเนียนแพ็กออกขายโดยแอบอ้างใช้ชื่อเต้าหู้ที่มียี่ห้อด้วย เรียกได้ว่าลงทุนน้อยกว่า แต่สามารถหาเงินได้เท่ากับการขายเต้าหู้จริง
ส่วนเต้าหู้เก๊ที่ผลิตจากส่วนประกอบที่อันตรายกว่าที่เพิ่กล่าวไปนี้ก็มีด้วยนะ โดยมีแก๊งเปิดโรงงานทำเต้าหู้ปลอมขึ้น และยังผสมสารรองกาไลท์ (Rongalite) ซึ่งสารฟอกขาวชนิดหนึ่งลงไป เพื่อทำให้เต้าหู้เก๊ดูขาวเนียนและเนื้อเด้งน่ากินกว่าเดิม แต่สารที่ผสมลงไปนั้นมีผลข้างเคียงก่อมะเร็งได้ โรงงานดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่บุกทลายในที่สุด ซึ่งนอกจากพบว่าทำเต้าหู้เก๊โดยใช้สารอันตรายแล้ว อุปกรณ์การผลิตในโรงงานก็ยังสกปรกมาก โดยทางเจ้าของโรงงานที่ยอมจำนวนต่อหลักฐานซึ่งหน้าเผยว่า กว่าจะถูกจับได้ก็ทำเต้าหู้เก๊ออกขายไปมากกว่า 100 ตันแล้ว
4. เลือดเป็ดปลอม
เลือดเป็ดที่นำมาประกอบอาหารนั้น ได้มาจากการนำเลือดเป็ดไปต้มจนข้นและทิ้งให้แข็งจนสามารถตัดเป็นก้อน ๆ ได้ ส่วนเลือดเป็ดเก๊ทำมาจากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายกว่า อย่างเลือดหมู แล้วนำไปผสมกับสารฟอร์มาลดีไฮด์ หรือฟอร์มาลีนที่ไว้ใช้ดองศพ ตำรวจจีนสามารถบุกจับโรงงานทำเลือดเป็ดเก๊แห่งหนึ่งได้ที่มณฑลเจียงซู ที่นี่ใช้เลือดไก่แทนเลือดเป็ด และนอกจากผสมกับฟอร์มาลดีไฮด์แล้ว ยังผสมสีย้อมผ้ากับสารที่ใช้ในหมีกพิมพ์เข้าไปอีกด้วย เรียกได้ว่าคนกินต้องเสี่ยงตายกับสารก่อมะเร็งอื้อซ่า แต่ถึงจะพ่อค้าทำเลือดเป็ดเก๊วางขายกันอบย่าแพร่หลาย ในปัจจุบันผู้บริโภคก็เริ่มแยกออกแล้วว่าอย่างไหนคือของจริงและอย่างไหนคือของปลอม
5. น้ำผึ้งปลอม
น้ำผึ้งปลอมของพี่จีนมีทั้งแบบน้ำผึ้งต้นทุนต่ำที่เอาของจริงมาผสมน้ำเชื่อม และแบบที่ปลอมขึ้นมาล้วน ๆ โดยได้ส่วนผสมของน้ำ น้ำตาล สารแต่งสี และสารส้ม !! ซึ่งน้ำผึ้งเก๊ 100% แบบหลังนี้ มีต้นทุนการผลิตต่อ 1 กิโลกรัมแค่ 10 หยวน แต่เมื่อเอาไปขายตบตาจะได้เงินกลับมาตั้ง 60 หยวน มากกว่าเดิมถึง 6 เท่าตัวเลยทีเดียว แถมน้ำผึ้งเก๊ที่ว่านี้ไม่ได้มีวางขายกันฉพาะในจีนเท่านั้น แต่ยังกระจายส่งออกต่างประเทศไปไกลถึงอเมริกา พอผู้บริโภคโวยมาก็มีการตรวจสอบเส้นทางสินค้า พบว่าถูกผลิตในจีนแล้วส่งไปยังออสเตรเลีย ก่อนจะนำเข้าไปวางขายที่อเมริกาอีกทอดหนึ่ง แหม มันซับซ้อนน่าดู
6. ป้ายบอกน้ำแร่ ที่แท้แค่น้ำก๊อก !
น้ำเก๊ที่จีนก็มีขาย แม้จะอยู่ในบรรจุภัณฑ์อย่างดี ดูสะอาดเรียบร้อย มียี่ห้อดูน่าเชื่อถือ แถมบางทีถึงกับบอกว่าเป็นน้ำแร่เสียด้วยซ้ำ แต่หากดื่มเข้าไปเสี่ยงโรคตั้งไม่รู้กี่อย่าง เพราะน้ำนั้นที่แท้ก็แค่น้ำก๊อกธรรมดา ๆ แถมไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อสักอย่าง จึงเสี่ยงปนเปื้อนทั้งเชื้อแบคทีเรียอีโคไลและเชื้อรา น้ำขวดตกเกรดนี้เริ่มผลิตปลอมแปลงมาขายกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2002 และยังคงปลอมกันเป็นล่ำเป็นสันเรื่อยมา จากราคาต้นทุนเบา ๆ แค่ 3 หยวน แต่เมื่อบรรจุขวดขายกลับทำรายได้ถึง 10 หยวน เลยทีเดียว
7. เส้นก๋วยเตี๋ยวตกเกรดจากข้าวเก่า
เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารประจำชาติของจีนก็หนีไม่พ้นการถูกปลอมแปลง แทนที่จะใช้ข้าวมาโม่เพื่อทำแป้งเส้นก๋วยเตี๋ยวดี ๆ ก็เลือกใช้ข้าวเก่าบ้าง ขึ้นราบ้าง มาแปรรูปเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแทน หนำซ้ำยังผสมสารก่อมะเร็งอย่างซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ลงไปด้วย โรงงานกว่า 50 แห่งในเมืองตงกวนถูกจับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวคุณภาพต่ำเหล่านี้ นอกจากนี้ยังพบว่าอีก 30 จาก 35 แห่งที่ต้องสงสัย มีการใช้สารฟอกขาวเพื่อฟอกสีข้าวเก่าให้ดูใหม่ และใส่สารแปลกปลอมลงไปเพิ่มมวลให้ผลิตเส้นก๋วยเตี๋่ยวได้มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ข้าวเก่าที่เอามาทำเส้นก๋วยเตี๋ยวตกเกรดแบบนี้ยังให้คุณค่าทางอาหารต่ำมาก ให้โปรตีนเพียง 1% เมื่อเทียบกับเส้นก๋วยเตี๋ยวจริงที่ให้โปรตีนประมาณ 7% ขนาดเอาไปเลี้ยงหมูยังทำให้หมูขาดสารอาหารและกล้ามเนื้อลีบอ่อนแรงเลย นับประสาอะไรกับคน
8. หมูคลีนบูเทอรอล
"คลีนทูเบอรอล" (Clenbuterol) เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเพาะกายว่าเป็นยาสร้างกล้ามเนื้อ ส่วนในวงปศุสัตว์เองก็มีการใช้สารชนิดนี้ผสมในอาหารให้สัตว์กินเช่นกัน โดยเฉพาะในการเลี้ยงหมู อันจะทำให้หมูไม่อ้วนเผละอุดมไขมัน แต่ตัวจะดูแน่นสุขภาพดีกว่า ทำให้ขายได้ราคาดีกว่า ทว่าสารที่สะสมอยู่ในตัวหมูกลับออกฤทธิ์กับผู้ที่บริโภคเข้าไป ทำให้มีปัญหาการทำงานของหัวใจ เหงื่อออก และวิงเวียนศีรษะ จนทำให้การใช้คลีนบูเทอรอลเลี้ยงสัตว์ถูกแบนไปในปี 2002
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีฟาร์มหมูบางแห่งลักลอบใช้สารดังกล่าวอยู่ รวมถึงฟาร์มหมูในเครือบริษัทเหอหนาน ช่วงหุย ซึ่งส่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ส่งเนื้อหมูจำหน่ายในประเทศ หลังถูกจับได้ก็ออกมาขอโทษขอโพยผู้บริโภคเป็นการใหญ่ ไล่ออกพนักงานที่เกี่ยวข้อง 24 คน พร้อมเรียกคืนเนื้อหมูถึง 2,000 ตัน จนทำให้ราคาเนื้อหมูในตลาดจีนช่วงนั้นผันผวนอย่างรุนแรง
9. ไวน์ปลอม
เครื่องดื่มชั้นดีอย่างไวน์ก็ไม่พ้นถูกทำเก๊เช่นกัน กระบวนการทำไวน์ปลอมของพี่จีนนั้นไม่ยุ่งยาก แค่ผลิตไวน์ถูก ๆ แต่ทำออกขายโดยนำชื่อยี่ห้อ ป้าย และดีไซน์ขวดแบบไวน์แพง ๆ มาเลียนแบบแล้วปรับแต่งนิดหน่อย หรือที่ยิ่งไปกว่านั้นก็เก็บขวดเปล่าของไวน์หรูมาใส่ไวน์เก๊แล้วนำออกขายใหม่ เพื่อป้องกันไวน์เก๊แบบหลัง ทางโรงแรม ภัตตาคาร และออคชั่นเฮ้าส์หลายแห่ง ถึงกับทุบขวดไวน์เปล่าในร้านทิ้งเพื่อตัดวงจรการทำไวน์ปลอมด้วย ตามรายงานจาก CTV ของจีนเผยว่าในปี 2012 เฉพาะในพื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เจ้าหน้าที่สามารถจัดการผู้ทำไวน์ปลอมได้ถึง 350 กรณี ของกลางนับมูลค่าได้ถึง 48 ล้านบาทเลยทีเดียว
10. ปูขนปลอม
สกิลการปลอมก้าวหน้าไปไกลถึงขนาดปลอมปูขนได้ทั้งตัวแล้ว โดยปูขนที่เลี้ยงในเขตหยางเฉิง ของมณฑลส่านซี เป็นปูขนที่มีรสชาติดีและมีราคาสูงที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะกลายเป็นเป้าหมายอันเย้ายวนใจของพ่อค้าแม่ค้านักก็อปปี้ขั้นเทพ ก็ลองคิดดูสิว่าปูขนที่มาจากหยางเฉิงจริง ๆ เลี้ยงขายกันได้เพียงปีละ 30,000 ตัน แต่ถ้าไปสำรวจตลาดกลับพบว่ามีการขายปูขนที่อ้างว่าเป็นปูขนหยางเฉิงกันถึงปีละกว่า 100,000 ตันทีเดียว เพิ่มมาจากไหนตั้ง 70,000 ตันเนี่ย
วิธีการทำปูเก๊ก็มีตั้งแต่การเอาปูธรรมดามาแช่ในน้ำที่มาจากแม่น้ำในเมืองหยางเฉิงก่อนหลาย ๆ ชั่วโมงแล้วจึงนำออกขาย บ้างก็ผสมสารสังเคราะห์บางอย่างลงไปเพื่อให้ปูเจริญเติบโตมามีลักษณะคล้ายปูขนหยางเฉิง เมื่อปลอมกันเป็นล่ำเป็นสันขนาดนี้ ในที่สุดสมาคมผู้ค้าปูขนหยางเฉิงจึงทำข้อตกลงกันว่า จะติดแท็กที่มีหมายเลขพิเศษไปกับปูที่เลี้ยงในหยางเฉิงทุกตัวเพื่อป้องกันการปลอมแปลง แต่สุดท้ายวิธีการนี้ก็ไม่ได้รอด เมื่อตัวผู้เพาะเลี้ยงเองดันเป็นคนเอาหมายเลขเหล่านั้นไปขายให้กับพ่อค้าปูเก๊... เอ้า ซะงั้นน่ะ
เป็นยังไงล่ะกับฝีไม้ลายมือของพี่จีน มีอะไรให้เราอ้าปากค้างได้ตลอดจริง ๆ เรื่องก็อปปี้นี่ยกให้พี่เขาเป็นที่หนึ่งจริง ๆ ครับ
