
สมจิตต์ นวเครือสุนทร

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สมจิตต์ นวเครือสุนทร เสียใจที่สุดใน 20 ปี ชีวิตนักข่าวที่นายกฯ บอกไม่ใช่คนไทย วอนเข้าใจสื่อ จวกมติชนหาช่องทางทำมาหากินด้วยการปล่อยคลิปฉบับตัดต่อ เหน็บไม่เคยรับจัดงานอีเว้นท์ให้รัฐบาล 240 ล้านบาท ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษจากกระทรวงมหาดไทยซื้อหนังสือพิมพ์มติชนเพียงฉบับเดียว
วันที่ 31 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่อง 7 ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "สมจิตต์ นวเครือสุนทร" ในหัวข้อ ช่วงเวลาท้าทายระหว่าง "สื่อ" กับ "ผู้มีอำนาจ" ซึ่งระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ น.ส.สมจิตต์ ได้ไปสัมภาษณ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ตัดสินว่าเธอไม่ใช่คนไทย โดย น.ส.สมจิตต์ ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นนักข่าวมา 20 ปี ไม่เคยสะเทือนใจเท่านี้ และ น.ส.สมจิตต์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวมติชนได้นำเอาคลิปการพูดคุยไปเผยแพร่ว่า เป็นการตัดต่อไม่ใช่ทั้งหมด และยังได้ระบุว่า ตลอดการทำงานไม่เคยผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ไม่เคยหลบหนีการตรวจสอบ และไม่เคยได้รับเงินจากรัฐบาลไหน ๆ

โดยข้อความในเฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร มีรายละเอียด ดังนี้
ช่วงเวลาท้าทายระหว่าง "สื่อ" กับ "ผู้มีอำนาจ"
เมื่อวานมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.และนายกรัฐมนตรี หลังกลับจากสิงคโปร์ ท่าทีของนายกฯ ดูอ่อนล้า คงเพลียจากการเดินทาง แต่ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามเหมือนทุกครั้งที่กลับจากต่างประเทศ
ดิฉันเข้าใจความเครียดจากการบริหารประเทศที่หนักและเหนื่อย แต่ในขณะเดียวกันคนเป็นสื่อก็มีหน้าที่ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริงต่อประชาชนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการตัดสินใจใด ๆ ของรัฐบาลที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ
การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้ได้คิดว่า ช่วงเวลานี้เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ท้าทายวิชาชีพสื่อสารมวลชน และ ผู้มีอำนาจ ว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม มีความสมดุล เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติได้มากน้อย แค่ไหน
"ดิฉันไม่โกรธและไม่มีอคติกับ พล.อ. ประยุทธ์ แต่อยากบอกตรง ๆ ว่า ตลอดการทำข่าวกว่า 20 ปี ไม่เคยเศร้าและสะเทือนใจมากเท่านี้มาก่อน เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวเอง "ไม่ใช่คนไทย" จากการตัดสินของ "คนเป็นผู้นำประเทศ"
มีอุดมการณ์ของสื่อมวลชนชั้นครูอย่าง กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ ศรีบูรพา เคยให้สติรัฐบาลเผด็จการทหารในขณะนั้นไว้ว่า
"ถ้ารัฐบาลไม่ชอบให้ใครพูดถึงรัฐบาลในสิ่งที่ไม่ดี รัฐบาลก็จะต้องไม่ทำในสิ่งนั้น รัฐบาลต้องแก้การกระทำของรัฐบาล ไม่ใช่มาเรียกร้องให้เราแก้การเขียนหนังสือของ เราที่เขียนตามความเป็นจริง"
สำหรับ "มติชน" ก็ต้องขอบคุณที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของดิฉันอยู่เนือง ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ "นักข่าว" คนหนึ่ง แต่การนำเสนอของท่านที่จงใจพาดหัวว่า "คลิป บิ๊กตู่ ปะทะ สมจิตต์ ช่อง 7" ผมแก้ปัญหาเศรษฐกิจดีกว่ารัฐบาลที่คุณชอบนั้น ผู้นำเสนอข่าวนี้ย่อมทราบถึงวัตถุประสงค์ของตัวเองเป็นอย่างดีว่าต้องการชี้นำอะไร
ดิฉันเป็นคนเชื่อเรื่อง "ความดี" ค่ะ คนอาจถูกทำลายได้แต่ไม่มีใคร "ทำลายความดี" ได้ ความดีคงอยู่เสมอแม้จะมีคนเห็นหรือไม่ก็ตาม ที่สำคัญตลอดชีวิตการเป็นสื่อสารมวลชนมั่นใจเกิน 100 % ว่าไม่เคยทำผิดต่อจรรยาวิชาชีพ
ไม่เคยรับเงินรัฐบาลใด 240 ล้าน เพื่อจัดงานอีเว้นท์ประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและของประเทศ ภายใต้ชื่องาน "สร้างอนาคตไทย 2020" เพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยยินดีปรีดากับการที่รัฐบาลจะออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ให้คนไทยแบกหนี้ไป 50 ปี
ไม่เคยหลบหนีกระบวนการตรวจสอบของสมาคมวิชาชีพด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิก หลังถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษจากกระทรวงมหาดไทยให้ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวแบบผูกขาดเพื่อไปวางในหน่วยงานปกครองที่อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณที่กรุณานำคลิปสัมภาษณ์มาเผยแพร่ แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีการตัดต่อเลย
คลิปสัมภาษณ์จากมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427640632
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร






