จับผิดคนโกหกด้วยวิธีสุดเบสิก ต่อให้โกหกเนียนแค่ไหนเพียงใช้วิธีจับผิดคนโกหกเหล่านี้ก็ล้วงลับตับแตกได้ชิล ๆ
จากที่เคยได้ยินมาว่าแววตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่สมัยนี้คนโกหกเนียน ๆ เขาพัฒนาจนหลอกได้แม้กระทั่งแววตากันแล้วนะรู้ยัง ฉะนั้นจะหวังวิธีจ้องตาค้นหาความจริงใจก็เลิกพูดไปได้เลย จะมีก็แต่ 7 วิธีต่อไปนี้ที่ Readers digest ไกด์มานี่แหละที่จับผิดคนสตรอว์เบอร์รีได้คาหนังคาเขา !

1. สีหน้า
ต่อให้พยายามหลบตาเราจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ทว่าเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาจะถูกแสดงตัวออกมาทางสีหน้า แต่มันยากตรงที่สีหน้าของเหล่าคนโกหกจะเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ซึ่งคนจับผิดเองก็ต้องตาไวมาก ๆ อ้อ ! แต่ก็ยังมีจุดสังเกตอื่น ๆ เช่น ปีกจมูกที่บานเข้า ๆ หุบ ๆ เพราะลมหายใจที่ผิดปกติ หรือจะเป็นอาการกะพริบตาถี่เกิน เนื่องจากสมองกำลังประมวลคำโป้ปดอยู่ก็นับเป็นสัญญาณของคนโกหกที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้เหมือนกันค่ะ
2. อาการเหนียม ๆ ผิดปกติ
ร้อยทั้งร้อยของคนที่กำลังโกหกอยู่จะมีความมั่นใจที่ลดน้อยกว่าปกติ เช่น จากที่เคยพูดจาฉะฉานดี จู่ ๆ ก็มีท่าทางกระมิดกระเมี้ยนระหว่างที่สื่อสารกับเรา หรือบางรายอาจไขว้มือเก็บไว้ข้างหลังพร้อมกับโยกตัวเบา ๆ เพื่อลดความตื่นเต้นกับการโกหกของตัวเองอย่างนี้ก็มี ฉะนั้นหากคนที่คุณกำลังพูดคุยด้วยมีอากัปกิริยาดังกล่าว คิดเผื่อไว้เลยว่าสิ่งที่คุณได้ฟังจากเขาอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดแล้วล่ะ
3. สังเกตจากรอยยิ้ม
รอยยิ้มเป็นหนึ่งในอาการตอบสนองของมนุษย์ที่จะแสดงออกมาได้ก็ด้วยคำสั่งของสมองและสิ่งที่คิดอยู่ในใจ ดังนั้นหากจับสังเกตได้ว่ารอยยิ้มของคู่สนทนาดูแปลก ๆ ไร้ซึ่งความจริงใจ บวกกับแววตาที่ไม่มั่นคงและริมฝีปากที่เหมือนจะสั่นหน่อย ๆ ฟันธงได้เลยว่าคุณกำลังเจอกับคนขี้โกหกตัวเป็น ๆ

4. น้ำเสียงและการพูด
น้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติอาจไม่เพียงพอจะปรักปรำใครว่าเขากำลังโกหกอยู่ ทว่าหากน้ำเสียงก็ไม่ปกติ ลักษณะการพูดก็เร็วขึ้นหรือช้าลง พร้อมกับลมหายใจขณะที่พูดอะไรออกมาก็ถี่กระชั้นจนจับสังเกตถึงความผิดปกติได้ เมื่อทุกอย่างผสมกันแล้วก็มีแนวโน้มว่าคู่สนทนาของคุณกำลังมโนในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงอยู่
5. พูดจาวกไปวนมา
เมื่อต้องแต่งเติมเสริมเรื่องที่เกินความเป็นจริง หรืออยู่ในภวังค์แห่งการมโนอันยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าคงไม่มีใครเก่งพอจะเรียบเรียงความคิดได้อย่างลื่นไหลแน่ ๆ ฉะนั้นคนที่ชอบโชว์ความสตรอว์เบอร์รีมักจะพูดจาวกวนไปมา หรือบางคนจะสังเกตได้จากการพูดจาตะกุกตะกัก ฟังแล้วงง โดยเฉพาะหากต้องเล่าอะไรยาว ๆ อาการผิดปกติเหล่านี้จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น

6. เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับผิดกล่าวว่า หากต้องพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดและความต้องการของตัวเอง คนพูดจะมีลักษณะทางกายภาพที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เช่น จากที่เป็นคนพูดจาฉะฉาน สบตาคู่สนทนาอยู่ตลอด หากกำลังโกหกอยู่ก็จะหลบตาพร้อมกับน้ำเสียงที่พูดก็แผ่วเบาแทบจับใจความไม่ถนัด หรือบางรายอาจจะพูดจาดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทว่าดวงตาไปด้วยกันไม่ได้กับรอยยิ้มและสิ่งที่พูดออกมาแม้แต่น้อย
7. หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
คนโกหกมักจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามอยู่แล้ว เพราะการตอบคำถามอะไรก็ตามแต่อาจทำให้เขาหลุดอาการพิรุธบางอย่างออกมาได้ โดยเฉพาะหากคุณยิงคำถามอะไรไปแล้วคู่สนทนาดูทำท่าคิดอยู่นาน หรือมีอาการอยากเลี่ยงการตอบคำถามมากเป็นพิเศษ 99% ฟันธงได้เลยว่าเขาเหล่านั้นกำลังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอยู่
7 ข้อสังเกตนี้ก็เป็นตัวช่วยสำคัญในการจับผิดคนใกล้ตัวได้พอสมควรว่าเขาโกหกหรือพูดความจริงกับคุณอยู่ ทว่าก็อย่าลืมนะคะว่าการโกหกบางอย่างก็เป็นการโกหกสีขาว (White Lies) เพื่อเลี่ยงการพูดความจริงเพื่อไม่ให้เราเครียดไปด้วยเท่านั้น ฉะนั้นหากไม่ใช่ประเด็นโกหกที่ร้ายแรงมากนัก ปล่อยให้เขาอยู่ในโลกแห่งการมโนบ้างก็น่าสนุกดีเหมือนกัน






