หลวงตาจันทร์ ถูกเสือตะปบ ล่าสุดอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์ระบุ บาดแผลเกิดจากการหกล้มเป็นหลัก มีรอยเสือข่วน-กัด แต่ไม่ลึก ส่วนเลือดที่ออกมาก เกิดจากยาที่รักษาโรคหัวใจ
จากกรณีที่ พระวิสุทธิสารเถร หรือเจ้าคุณหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีข่าวว่า ถูกเสือโคร่งขนาดใหญ่ เพศผู้ ชื่อเจ้าเหิน หรือเหินฟ้า อายุราว 7-8 ปี กัดเข้าที่แขนและถูกตะปบเข้าที่หน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องส่งตัวเข้าผ่าตัดที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลธนกาญจน์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งในเวลาต่อมาลูกศิษย์คนสนิทซึ่งเป็นผู้ดูแลเสือ ชี้แจงว่า เจ้าอาวาสตกจากบันไดไม่ได้ถูกเสือตะปบตามที่ได้เป็นข่าวนั้น อ่านข่าว หลวงตาจันทร์ ถูกเสือตะปบ ไม่จริง ลูกศิษย์ โต้ข่าวแค่ตกบันได
ล่าสุด (25 พฤษภาคม) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้าอาการของเจ้าคุณหลวงตาจันทร์ โดย นพ.สหเทพ สว่างเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนกาญจน์ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการหกล้มเป็นหลัก เนื่องจากก่อนเกิดเหตุหลวงตาจันทร์ได้เดินจูงเสือโคร่งชื่อ เหินฟ้า แต่หลวงตาเกิดเสียหลักหกล้ม ทำให้เชือกรั้งกระตุกขึ้น เสือจึงตกใจแว้งตะปบเข้าที่บริเวณแก้มด้านขวาเป็นรอย ข้อมือด้านขวาก็เป็นรอยแต่ลึกไม่มาก ส่วนฟันหัก 1 ซี่ และแขนขวาหักนั้นเกิดจากการล้มกระแทกพื้น และเลือดที่ออกมากกว่าปกติเกิดจากที่หลวงตาจันทร์มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านได้ฉันยามาแล้ว เมื่อเกิดบาดแผลจึงทำให้เลือดออกมามาก
ทั้งนี้จากการเอกซเรย์พบว่า มีเฉพาะข้อมือข้างขวาหักอย่างเดียว ซึ่งได้ทำการผ่าตัดให้กระดูกเข้าที่แล้ว ส่วนร่างกายปกติทุกอย่าง ขณะนี้อาการดีขึ้น สามารถฉันภัตตาหารได้แล้ว แต่ต้องรอพักฟื้นระยะหนึ่ง
ด้าน กำนันสุภาพ กอฟัก ลูกศิษย์คนสนิทผู้ดูแลเสือหลวงตาจันทร์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลใดที่เสือโคร่ง คือ เจ้าเหินฟ้า จะทำร้ายหลวงตา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ส่วนเสือที่เลี้ยงอยู่ในวัดจำนวนมากที่มีประเด็นเรื่องเสือหายจะมีประชุมใหญ่กันอีกครั้งในวันนี้
ขณะที่ นายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยการสำนักบริหารสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะรายงานไปยังอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งจะมีคำสั่งว่าอย่างไรต้องติดตามกันอีกครั้ง ส่วนเสือโคร่งที่วัดจำนวน 147 ตัว เป็นของกลางของกรมอุทยานฯ จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะไทยหรือต่างชาติจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
ภาพจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
