x close

ข่าวรถชนควาย เปิดข้อกฎหมายดูกันชัด ๆ ฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูก


สงสารจับใจ.. 2 ตายาย ถูกฟ้องคดีรถชนควาย โดนเรียก 2 แสน

            ข่าวรถชนควาย จนตากับยายต้องจ่ายเงิน 2 แสน มาเปิดข้อกฎหมายดูกันชัด ๆ ฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูก ดราม่าระหว่างมนุษยธรรมกับข้อกฎหมาย

            กลายเป็นเรื่องทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เลยทีเดียว สำหรับคดีของตายายยากจนคู่หนึ่ง ที่ จ.ยโสธร ถูกบริษัทประกันภัยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2 แสนบาท กรณีขับรถไปชนควายของสองตายายบนถนน จนรถยนต์ได้รับความเสียหาย ส่วนควายของตายายก็ตายด้วย

            โดยหลายคนเกิดข้อกังขาว่า ทำไมตายายต้องเสียเงินขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่ตายายน่าจะเป็นผู้เสียหายมากกว่า เนื่องจากควายตาย ขณะที่บางคนก็ยกเอาข้อกฎหมายอย่างชี้แจง โดยระบุว่า ตายายทำผิดกฎหมายจริง ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก เนื่องจากจูงลากสัตว์กีดขวางจราจร แต่...ในกรณีนี้ ควรยึดหลักมนุษยธรรมมากกว่ากฎหมายหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ (6 มิถุนายน 2558) ช่องข่าว pptv ขอเปิดข้อกฎหมายมาให้ได้ทราบกัน !! ใครผิด ใครถูก

            สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวควายของตากับยายก็ตายเหมือนกัน แต่ทางบริษัทประกันมองว่า สองตายายเป็นผู้ละเมิดกฎหมาย 2 ฉบับ นั่นก็คือ

            1. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 111 ที่ระบุว่าห้ามมิให้ผู้ใดขี่ จูง ไล่ต้อน หรือปล่อยสัตว์ไปบนทางในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร และไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ

            2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น

            ทั้งนี้ ดูจากกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าของควายเป็นผู้ผิดและต้องรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยังมีข้อเท็จจริงพ่วงท้ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 433 ที่ระบุว่า "เจ้าของสัตว์อาจไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ได้" หากพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นแล้ว หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

            ด้วยเหตุนี้ ก็ต้องมาพิสูจน์ว่าตากับยายได้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลสัตว์ดีพอหรือไม่ และผู้ที่ขับขี่ชนควายนั้น ประมาทหรือเปล่า หรือขับมาในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ถนนทั้งเป็นทางโล่งหรือการจราจรหนาแน่น ควายตกใจอยู่ในภาวะเกินควบคุมของผู้ดูแลสัตว์หรือไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้ดูแลสัตว์ก็อาจไม่ต้องรับผิด

            อย่างไรก็ตาม เมื่อคดีนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมา กลายเป็นเรื่องราวของมนุษยธรรมที่กระทบจิตใจผู้คนอย่างมาก เพราะสภาพของตายายที่สื่อเห็นนั้นยากจน รวมถึงเงินที่ตายายนำมาเป็นเงิน 3,000 บาท มาให้นั้นมีเงินเหรียญปะปนอยู่มาก คล้ายกับเก็บหอมออมริบมานาน นอกจากนี้ ตายายยังอยู่ในวัยชรา 70 ปี อาศัยกันตามลำพัง และที่สำคัญไม่มีทนายคอยสู้คดีให้ ซึ่งทางออกที่ศาลจังหวัดยโสธรมอบให้ ก็คือให้ทั้งสองฝ่ายไปไกล่เกลี่ยกันก่อนในเบื้องต้น

            ส่วนจะมาว่ากันถึงเรื่องค่าเสียหายนั้น ก็ต้องดูว่าฝ่ายไหนที่ประมาทมากกว่ากัน ฉะนั้นหากพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายผู้ขับขี่ประมาท ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ก็อาจต้องแบ่งส่วนรับความเสียหายไปด้วย ค่าสินไหมที่เรียกเอาจากสองตายายก็ต้องลดลงจาก 200,000 บาท

            แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ล่าสุด มีรายงานว่า "บุ๋ม ปนัดดา" ได้เป็นตัวแทนช่วยเหลือสองตายายในเรื่องนี้แล้ว พร้อมเปิดรับบริจาคเงินเพื่อซื้อควายตัวใหม่ให้ด้วย แต่คดีนี้จะจบลงอย่างไร ต้องดูกันอีกทีในวันที่นัดเจรจาไกล่เกลี่ย 22 มิถุนายนนี้

คดีรถชนควาย
 
คดีรถชนควาย
 
คดีรถชนควาย
 
คดีรถชนควาย
 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายจรูญศักดิ์ ศึกขยาด , ทวิตเตอร์ @PPTVThailand
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
pptvthailand.com


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ข่าวรถชนควาย เปิดข้อกฎหมายดูกันชัด ๆ ฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูก อัปเดตล่าสุด 6 มิถุนายน 2558 เวลา 11:39:51 81,718 อ่าน
TOP