ครม. อนุมัติร่างประกาศฯ ควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์ คุมเข้มการส่งออก ป้องกันผู้ก่อการร้ายนำไปผลิตอาวุธทำลายล้างสูง รวมถึง ไม้เทนนิส ไม้กอล์ฟ และน้ำมันละหุ่ง
วานนี้ (5 มิถุนายน 2558) พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการประชุมครั้งล่าสุด ครม. ได้เห็นชอบหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
โดยสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Item : DUI) หมายถึง สินค้าและเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งทางพาณิชย์และทางทหาร ทางสงคราม เพื่อผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง อาทิ คาร์บอนไฟเบอร์ ที่สามารถนำมาใช้ในอุปกรณ์กีฬา ได้แก่ ไม้เทนนิส ไม้กอล์ฟ ในขณะเดียวกันยังสามารถนำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนขีปนาวุธได้ด้วย รวมถึงสารไตรเอทาโนลามีนที่ใช้ในการทำสบู่ ผงซักฟอก และโลชั่น ก็สามารถนำไปใช้ทำสารพิษ หรือควันพิษที่ใช้ในการก่อการร้ายได้ นอกจากนี้น้ำมันละหุ่ง ก็สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพได้ แม้แต่ไส้ตะเกียงที่เคลือบลวดทังสเตนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็ใช้เป็นอาวุธได้เช่นกัน
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานกำกับดูแลสินค้าสองทางอยู่ 5 หน่วยงาน คือ
1. กรมอุตสาหกรรมทหาร
2. กรมโรงงานอุตสาหกรรม
3. กรมวิทยาศาสตร์และการแพทย์
4. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
5. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ขณะที่ปัจจุบันไทยมีสินค้าที่อยู่ในบัญชีรายการ DUI ราว 1,700 รายการ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกหลายแสนล้านบาทต่อปี มีผู้ส่งออกประมาณกว่า 10,000 ราย ทำให้ทั้ง 5 หน่วยยังไม่สามารถกำกับดูแลสินค้า DUI ได้ครอบคลุมทั้งหมดตามบัญชีของสหภาพยุโรป ดังนั้นร่างประกาศกังกล่าว จะให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้กำกับดูแลรายการสินค้า DUI ที่ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานอื่น เพื่อป้องกันการส่งสินค้าดังกล่าวไปยังกลุ่ม หรือบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
ขณะเดียวกันการดำเนินการควบคุมและดูแลมาตรฐานสินค้าไทยที่อาจมีส่วนประกอบเป็น DUI ตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้า ยังช่วยรักษาตลาดสินค้าส่งออกของไทยให้เป็นไปตามประกาศ DUI ของสหภาพยุโรป ตลอดจนช่วยป้องกันไม่ให้ประเทศคู่ค้านำเหตุผลว่าไทยไม่มีการควบคุมกำกับดูแลที่ดีพอ มาเป็นเหตุในการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีต่อสินค้าส่งออกของไทย
สำหรับสาระสำคัญของร่างประกาศดังกล่าว ประกอบด้วย
1. กำหนดให้สินค้า DUI หรือสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือควรเชื่อว่าผู้ใช้สุดท้ายมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ต้องเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตการส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์เสียก่อน
2. หากเป็นสินค้าบางรายการ เช่น กราไฟต์ธรรมชาติ สินแร่และหัวแร่ยูเรเนียม น้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียม ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับรองตนเองไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ และต้องให้การรับรองต่อกรอบการค้าต่างประเทศว่าสินค้าที่ส่งออกไม่เป็นสินค้า DUI
ทั้งนี้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) ที่ 1540 (2004)ว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องมีมาตรการภายในประเทศในการป้องกันการแพร่ขยายอาวุธ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงสินค้า DUI โดยควบคุมผ่านระบบการพิจารณาให้อนุญาตการส่งออก การผ่านแดน การถ่ายลำ การนำเข้าเพื่อส่งกลับออกไป และการควบคุมนายหน้าของ DUI รวมทั้งต้องมีบทลงโทษการกระทำผิดตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่อมาในปี 2554 ได้มีการออกข้อมติ UNSCR 1977(2011) ขยายเวลาจากข้อมูลเดิมต่อไปอีก 10 ปี จนถึงปี 2564 ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกจึงต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าวด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก