เจซซี่ สาวที่นั่งถือป้ายขอความเป็นธรรม กรณีถูกยึดบ้านในภูเก็ต และไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินดคี โพสต์ขอบคุณ ผบ.ตร. และทีมตำรวจน้ำดี เผยสุดซาบซึ้งที่ได้รับความช่วยเหลือและน้ำใจจากชาวไทย
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายโคลิน วอล์ด ชายสัญชาติไอร์แลนด์ ได้พาลูกชายและลูกสาวมานั่งถือป้ายร้องขอความเป็นธรรมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 2 มิถุนายน 2558 เพื่อขอเข้าพบ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังอ้างว่าถูกสถาบันการเงินของไทยยึดบ้านที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2553 ทั้งที่พวกตนมีเอกสารและโฉนดที่ดินครอบครองสิทธิ์อย่างถูกต้อง และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจในการดำเนินคดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (7 มิถุนายน 2558) พ.ต.ท.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกตำรวจ เปิดเผยว่า นส.เจซซี่ บุตรสาวของนายโคลิน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Justice for Jessie เพื่อเปิดเผยถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือ กรณีที่ครอบครัวของเธอมาถือป้ายร้องเรียน ผบ.ตร. เนื่องจากถูกขบวนการซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ที่ดิน ทนายความ นายธนาคาร บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ดำเนินการปลอมแปลงเอกสารทำการซื้อขายถ่ายโอนบ้านและที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ มูลค่าประมาณ 65 ล้านบาท
สำหรับข้อความในเฟซบุ๊ก Justice for Jessie ระบุดังนี้
"บอกว่า "ไม่" ให้กับการ ทุจริต ... บอกว่า "ใช่" ให้กับความยุติธรรม
พ่อฉันมีสิ่งที่อยากจะพูด มันคือคำว่า ซาบซึ้ง นั่นคือสิ่งที่พวกเรารู้สึก
พวกเรารู้สึกขอบคุณกำลังใจ ความช่วยเหลือ และความใจดีของชาวไทย เราได้รับแรงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ในการหยุดการคดโกง แม้ว่ารัฐบาลและสถานทูตเราจะไม่สนใจเรา แต่ว่าประชาชนคนไทยหลายคน เข้าใจและพยายามช่วยเหลือเรา มากกว่าที่เราคาดคิดซะอีก ขอบคุณ
ฉันได้กล่าวถึงตำรวจที่คดโกงในภูเก็ตไปแล้ว ฉันขอกล่าวถึงตำรวจดี ๆ ผู้ช่วยเหลือฉันในสามวันที่ผ่านมา ชื่อ
ท่าน พลตำรวจเอก ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ท่าน พล.ต.อ. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ
ท่าน พล.ต.ท. ดร.ประวุฒิ ถาวรศิริ
และฉันเชื่อว่ายังมีตำรวจดี ๆ ที่ซื่อสัตย์อีกมากมาย
ทุก ๆ การสนทนาเป็นไปด้วยบรรยากาศมิตรภาพและจริงใจในการแก้ปัญหา จะมีที่ไหนในโลกนี้อีกไหมที่คุยกับเราดีเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งสร้างเรื่องน่าปวดหัวใน กทม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถ้าเป็นประเทศเรา เราคงจะติดคุกและโดนตั้งข้อหาจากตำรวจแล้ว เรากลับได้รับการเข้าพบท่านพลตำรวจเอก ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้รับฟังปัญหาของเราและได้แสดงความห่วงใยแก่พวกเรา ท่านยังได้สั่งให้ทำคดีของเราโดยทันที พร้อมทั้งจัดตั้งทีมทำงานที่เชี่ยวชาญ
สถานการณ์ตอนนี้คือ ท่าน พล.ต.อ. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ดำเนินการคดีเราทุกเช้า พร้อมกับทีมสืบสวนพิเศษสี่นาย โดยการนำของท่าน พ.ต.ท. ชัย สงวนสิน ซึ่งท่านได้ย้ำกับฉันและทำให้ฉันเชื่อได้ว่า ท่านและทีมจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกคน ทั้ง ๆ ที่สถานทูตและรัฐบาลเรา ไม่สนใจเรา ท่าน พล.ต.อ. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ได้สั่งให้ตำรวจภูเก็ตทั้งหกนายบินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำการสอบสวนภายใต้ ท่าน พ.ต.อ. วีรวัฒน์ จันทรวิจิตร รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ผู้รับรองกับฉันว่าจะต้องได้รับความเป็นธรรม
ท่าน พ.ต.อ. วีรวัฒน์ จันทรวิจิตร จากภูเก็ต จะร่วมมือกับ พ.ต.ท. ชัย สงวนสิน จากส่วนกลาง และทนายอาวุโสจากกระทรวงยุติธรรม นายยอดมงคล ทรัพย์ไพศาลสุข (คุณเจมส์) เพื่อให้มั่นใจว่า ตำรวจ ทนาย ธนาคาร พวกปล่อยเงินกู้ และคนของสำนักที่ดิน ที่คดโกง จะต้องถูกสอบสวน ตั้งข้อหา และลงโทษเพื่อความเป็นธรรม
หลังจากได้ทำงานกับพวกเขาสองวัน ฉันเชื่อว่าคงไม่มีอาชญากรคนใดกล้าต่อกรกับทีมนี้ ขอขอบคุณในความเมตตา ความหวังดี จากคนไทย และสำนักตำรวจที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
ขอบคุณ
ภาพด้านล่างคือตัวแทนจากสถานทูต ตำรวจเองก็แปลกใจที่เขาไม่รู้เรื่องคดีของพ่อฉันเลย เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่ในภูเก็ต
คนไทยกรุณา LIKE หุ้นและความอับอาย
ในรูปเขาถามฉันว่า พวกคุณอยู่ใน กทม. หรอ ?
ไม่อยากพูดให้มากความ ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก สถานทูตเลย
ฉันคิดว่า ถ้าเราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ผิดหวัง"
เฟซบุ๊ก Justice for Jessie
