
ชายหนุ่มท้อชีวิต โพสต์ระบายความในใจหลังตระเวนหางานมาเกือบ 3 ปี แต่ไม่มีที่ไหนรับ เพียงเพราะจบจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ ทุกวันนี้เหนื่อยและชีวิตเหมือนคนไร้ค่า ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บบอร์ดพันทิป ได้มีสมาชิกรายหนึ่งตั้งกระทู้ชื่อ "มนุษย์ชนิดที่สังคมไม่ต้องการ วิ่งสมัครงานมา 3 ปี ไม่มีที่ไหนรับ" บอกเล่าเชิงตัดพ้อชีวิต หลังบวชเรียนและจบมาจากมหาลัยสงฆ์ แต่กว่าเกือบ 3 ปีที่ตระเวนสมัครงานมาไม่มีที่ไหนรับเลย เพียงแค่เห็นรูปใบทรานสคริปต์เป็นพระ หรือชื่อมหาลัยก็ไม่ได้รับการพิจารณา ขนาดสอบพนักงานราชการ แข่งกับคนประมาณ 300 ติดลำดับ 3 แต่ก็ต้องมาตกตอนสัมภาษณ์อยู่ดี ทุกวันนี้รู้สึกท้อและเหนื่อยกันชีวิตมาก
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
"ผมเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ครับ (บวชเรียน) เรียนจบก็สึกออกมาหางานทำ ตอนเรียนก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกคณะสาขา หรือมหาลัยอะไรเพราะไม่ได้เรียนสายสามัญมาตั้งแต่เด็กแต่ใช้วุฒิทางภาษาบาลีเทียบเรียนเอาในมหาลัยสงฆ์ (พุทธศาสตร์บัณฑิต คณะสังคมรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง) ปัญหาคือไม่มีที่ไหนรับทำงานเลยครับ งานที่ไปสมัครก็รู้ตัวเองดีว่าจบมาแบบนี้ งานอะไรที่วุฒิพอสมัครได้ พวก ผจก. ฝึกหัดร้านต่างๆหรือพนักงาน ฯลฯ วิ่งสมัครไป 2 ปีกว่า 2 ปีกว่าจริงๆครับทุกที่ทุกงานที่เปิดรับแต่ไม่มีที่ไหนรับเลย คือแค่เขาเห็นรูปใบทรานสคริปผมเป็นพระ หรือชื่อมหาลัยเขาก็ไม่พิจารณาแล้วครับ มีหลายครั้งๆที่เจอคำพูดดูถูก เช่น สึกมาทำไม นี่มันโลกธุรกิจนะไม่ใช่โลกคุณธรรม น้องน่าจะเหมาะไปทำโรงงาน ฯลฯ
ตลอด 3 ปี (รวมเวลารอเกณฑ์หาร) วิ่งสมัครงานและได้รับคำปฏิเสธซ้ำ ๆ มันทำให้รู้ครับว่าผมคือคนที่ไร้ค่า เพียงแค่ผมเคยบวชเรียนจบจากมหาลัยสงฆ์ ผมพยายามพิสูจน์ตัวเอง มีสอบอะไรที่ไหนก็ไปสอบ เคยสอบพนักงานราชการ แข่งกับคนประมาณ 300 ติดลำดับ 3 เข้าสัมภาษณ์แต่มาตายสัมภาษณ์อยู่ดี เหนื่อยครับเหนื่อยจริง ๆ ค่าของเราถูกประเมินจากคนอื่นที่มอง เพียงเพราะมีที่มาไม่เหมือนคนอื่น อดีตผมจะไปเปลี่ยนอะไรมันได้ เลือกได้ผมก็อยากเรียนจบ มหาลัยดัง ๆ คณะดี ๆ ใช้ชีวิตวัยรุ่น เด็กมหาลัย เหมือนคนอื่นนั่นแหละ แต่คนเรามันไม่ได้เกิดมาเท่ากันหรอก
ตลอดเวลาเป็นพระผมไม่เคยเเสวงหาทรัพย์สิน หรือเงินทองอะไรเลย ทั้งที่คุณวุฒิตอนนั้นมันเอื้อประโยชน์มากมาย ผมคิดแต่ว่าผมควรเป็นพระที่ดี ถ้าอยากได้อะไร สึกไปหาเอาข้างนอกดีกว่า แต่ตอนนี้ผมรู้ซึ้งแล้วโลกไม่ได้ต้องการคนดี มันแค่คำพูดฟังให้ดูดี แค่เห็น ว่าจบมหาลัยสงฆ์ เป็นมหา บวชเรียนมาหลายปี เขาก็คิดไปว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวเเล้ว ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรหรือทำงานอะไรได้ (เขาคงจินตนาการถึงคนเป็นมหาเก่านุ่งขาวห่มขาวชอบพูดอะไรธรรมะธัมโมเเบบนั้นมั้ง) สรุป คือกากเกินไป เหนื่อยครับ"
ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาก็มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นพร้อมให้กำลังเจ้าของกระทู้เป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า อยากให้ใจเย็นก่อน และลองกลับมานั่งดูตัวเอง ว่าพอมีความสามารถอะไรบ้าง และเอามันออกมาโชว์ เช่น เล่นดนตรี วาดภาพ เขียนนิยาย และทำสิ่งนั้นให้จริง ๆ จัง ๆ หรือถ้าคิดว่าไม่เวิร์ก ลองหันมาประกอบอาชีพเสริมอย่างเช่น ขายของออนไลน์ หรือทำพวกงานแฮนด์เมด ดูกระแสว่าตอนนี้เขากำลังนิยมอะไร ศึกษาตลาด ทำสินค้าที่ทุนต่ำ ทำจำนวนน้อย ๆ ก่อนค่อยต่อยอด สู้ ๆ ครับไหน ๆ บวชมาแล้วนำปัญญามาแก้ปัญหา เอาสิ่งที่เรียนมามาใช้ประโยชน์
ควรฝึกคิดออกนอกกรอบ หลายๆ แง่มุม อย่าคิดแค่ในกรอบ คิดแค่มุมเดียว สองมุม อย่าคิดว่า การหารายได้ต้องไปเป็นลูกจ้างแค่นั้น ต้องไปทำงานรับใช้คนอื่นๆ แค่นั้น คิดแบบนี้ไม่ถูกทางแน่อน ลองคิดว่า พอจะมีช่องทางที่จะหารายได้ด้วยตนเอง ได้หรือไม่ ด้วยวิธีการยังไง บุคคลที่เป็นมหาเศรษฐีระดับโลก ประสบความสำเร็จทางการเงิน ทางธุรกิจระดับโลกในอันดับต้นๆ มีมากมายที่เรียนจบแค่มัธยม แค่นั้น เช่น มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก คือ บิลล์ เกตส์ ที่สร้างไมโครซอฟท์ เรียนมหาลัยแค่ปี 1 ก็ลาออกมาตั้งบริษัทเอง ลองไปหาอ่านดูประวัติคร่าวๆของมหาเศรษฐี 50 อันดับแรกของโลกจะเห็นว่าที่เรียนจบเกินชั้นมัธยม มีไม่กี่คน
นอกจากนี้มีสมาชิกรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า มีคนแถวบ้านที่บวชเรียนตั้งแต่เด็กเหมือนกัน และสึกออกมาไปสอบครู ทุกวันนี้ได้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับเจ้าของกระทู้ให้หางานได้ในเร็ววัน
ข้อมูลจาก Pantip






