
5 นักศึกษาไทย ถูกจับที่ปากีสถาน เหตุซุกปืนพยายามนำขึ้นเครื่องบิน ทางสถานทูตไทยเร่งประสานช่วยเหลือ ด้านครอบครัว 1 ใน 5 ยันลูกไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายแน่นอน
จากกรณีนักศึกษาชาวไทยจำนวน 5 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ท่าอากาศยานเมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 เนื่องจากตรวจพบว่า มีการพกอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมแถบบรรจุกระสุนและกระสุนปืนแยกซุกซ่อนไว้ และพยายามนำขึ้นเครื่องบิน ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG346 ลาฮอร์-กรุงเทพฯ เพื่อนำกลับมายังประเทศไทย โดยกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดได้เดินทางเข้าไปยังประเทศปากีสถานเมื่อปี 2556 เพื่อไปศึกษาต่อที่โรงเรียนมุสลิมในเมืองสวาบี และการเดินทางกลับประเทศไทยครั้งนี้เป็นการกลับบ้านช่วงปิดภาคเรียนนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 11 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด ได้ประสานทางการปากีสถาน เพื่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษาไทย 5 คนแล้ว โดยจะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายของปากีสถาน ตามแนวทางการช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้นักศึกษาทั้งหมดอยู่ในการควบคุมตัวของหน่วยข่าวกรอง ปากีสถาน
ทางด้าน พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า หากทางครอบครัวของนักศึกษาทั้ง 5 คนต้องการติดต่อนักศึกษา ก็สามารถประสานไปยังกระการต่างประเทศได้ตลอดเวลา
สำหรับรายงานข่าวฝ่ายความมั่นคง แจ้งว่า นักศึกษาไทย 5 คนที่ถูกทางการปากีสถานจับกุมตัว ประกอบด้วย





ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจังหวัดกระบี่ได้เข้าไปตรวจสอบยังบ้านของ นายฟารุค สูทอก 1 ใน 5 นักศึกษาดังกล่าว โดย นางอำพร สูทอก แม่ของนายฟารุค ได้ระบุว่าเป็นห่วงลูกชายมาก อีกทั้งยังเชื่อและยืนยันว่าลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายแน่นอน เพราะลูกชายไม่มีนิสัยเกเร
สำหรับการส่งลูกไปยังประเทศปากีสถานนั้น นางอำพร กล่าวว่า เป็นการส่งลูกไปเรียน เพราะเห็นว่าลูกชายชอบเรื่องศาสนา และลูกของเพื่อนบ้านหลายคนที่เคยไปเรียนก็กลับมาเป็นครูสอนศาสนา อีกทั้งการไปเรียนนั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง หากรวมค่าอาหารและที่พักก็ตกเพียงเดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ฟรีหมด
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @TNAMCOT, ไทยพีบีเอส
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

