เนติวิทย์ โพสต์สาเหตุไม่ร่วมงานไหว้ครู บอกตรง ๆ รักใครไม่จำเป็นต้องกราบไหว้หมอบคลาน การหมอบคลานยกเลิกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2558 มีรายงานว่า เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Netiwit Ntw เกี่ยวกับเรื่องการไหว้ครู ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า ส่วนตัวเขาเองไม่เข้าร่วมพิธีกรรมไว้ครู เพราะเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ดังนี้
1. แต่ก่อนครูนั้นคือผู้ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ และทุ่มเทอุตสาหะเพื่อความรู้ของนักเรียน บางครั้งก็ให้ความรู้แบบวิทยาทาน แต่ในปัจจุบัน ครูจำเป็นต้องทำผลงานเพื่อเลื่อนขั้นวิทยฐานะ รวมทั้งทำโครงการต่าง ๆ เพื่อให้โรงเรียนได้รับงบประมาณ มากกว่าจะทุ่มเทสอนหนังสือ ครูสอนนักเรียนแบบใครอยากเรียนก็เรียน ไม่เรียนก็ปล่อยผ่าน หากนักเรียนสอบตก ก็มีผลต่อครู ครูทุกวันนี้ทำแค่กวดวิชา นักเรียนก็เรียนเพื่อสอบ แล้วอะไรคือสิ่งที่นักเรียนได้จากครู ?2. การที่ครูได้รับการคารวะ ควรเป็นการคารวะจากใจว่ามาจากการทุ่มเทเพื่อการสอน ไม่ใช่การบังคับ การหมอบคลานนั้นยกเลิกไปแล้วตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เพราะการหมอบคลานเป็นการแบ่งชนชั้นชัดเจน ครูที่แท้จริงจะไม่สนใจว่านักเรียนต้องมาหมอบคลาน การที่นักเรียนยกมือไหว้ ตั้งใจเรียน ส่งงานครบตรงต่อเวลา เท่านี้ก็เป็นการเคารพแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีประเพณีกราบไหว้หมอบคลานเพื่อสร้างภาพ หรือเพื่อแสดงอำนาจ และคำถามคือ เวลาเราไหว้พ่อแม่ เราหมอบคลานแบบไหว้ครูหรือไม่ แล้วทำไมไหว้ครูต้องหมอบคลานด้วย ?
3. ครูเองก็เป็นมนุษย์ ทำผิดพลาด การสร้างให้ครูเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นสมควรหรือไม่ ครูก็สอนนักเรียน และเติบโตไปพร้อมกับนักเรียน ฟังคำวิจารณ์แล้วเอามาปรับปรุง พิธีกรรมไหว้ครู ได้ทำลายสัมพันธ์ครูนักเรียน โดยยกคนหนึ่งให้สูงกว่าอีกคน หากไม่มีพิธีกรรมดังกล่าว จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันของมนุษย์ หากต้องรักแบบกลัว ๆ ตนก็จะไม่ทำ" วันไหว้ครูปีนี้ ผมไม่มาโรงเรียน ที่ไม่มาไม่ใช่ไม่รักครู แต่ผมมีเหตุผล การที่ผมรักใครคนหนึ่ง ไม่ต้องไปหมอบคลาน เราหยอกล้อพูดคุยกันสนุก ๆ กันได้ตรงไปตรงมา"
หลังจากที่เนติวิทย์ โพสต์ข้อความดังกล่าวไปนั้น ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งที่บอกว่าการไหว้ครูควรทำมาจากใจ ไม่ใช่พิธีกรรม เพราะครูก็เป็นอาชีพหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่บางคน ก็แสดงความไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่าวิธีการคิดแบบนี้ เหมือนเป็นการแสดงความคลั่งประชาธิปไตยและเสรีภาพจนเกินขอบเขต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Netiwit Ntw
